ครั้งแรก! ขับเรือแบบโรเบิร์ตทำไมแตงโมตาย น่าฉงนเครื่องกระตุกแซนรอด (คลิป)

จากกรณี แตงโม หรือ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวชื่อดังตกเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่นํ้าเจ้าพระยาเมื่อเวลา 22.30 น. ของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565

จากนั้นมีกระแสออกมาว่า หลังจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพที่มีการนัดไปคุยกันในปั๊มน้ำมัน หลังจากเกิดเหตุ และมีรายงานว่า เช้าวันรุ่งขึ้นปอ, กระติก, โรเบิร์ต, แซน และจ๊อบ มีการนัดไปพูดคุยกับใครบางคนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในซอยสุขุมวิท ทองหล่อ 13 ในเวลา 11.00 น. ของวันที่ 25 ก.พ. 65 หลังจากนั้นมีรายงานอีกว่าเวลาประมาณ 17.00 น. ในวันเดียวกันทั้ง 5 คน เดินทางไปพบกับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่ร้านอาหาร ย่านราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี ก่อนจะเดินทางไปให้ปากคำกับตำรวจที่ สภ.เมืองนนทบุรี

ทีมข่าวได้ไปไล่วงจรปิด ตามเส้นทางก่อนจะถึงร้านอาหารดังกล่าว พบว่าในช่วงเวลาตามข้อมูลที่ทางร้านให้มา มีรถที่คาดว่าจะเป็นรถของกลุ่มเพื่อนแตงโม ซึ่งภาพวงจรปิดที่ทีมข่าวได้มาในวันนี้ มี 2 จุด โดยจุดแรก มุมที่ 1 และ มุมที่ 2 ที่ห่างจากร้านอาหารประมาณ 150 เมตร จะมีรถโตโยต้าอัลพาร์ดสีดำของปอวิ่งผ่านหน้ากล้องทั้ง 2 มุม ไปในเวลา 16.48 น.

จากนั้น ภาพมุมที่ 1 และมุมที่ 2 เช่นเดียวกันจะมีรถโตโยต้าอัลพาร์ดสีขาวของโรเบิร์ตผ่านกล้องวงจรปิด ไปในเวลา 16.52 น. โดยภาพจุดที่ 2 จะเป็นเวลาเดียวกัน ที่ห่างกันแค่ช่วงวินาที จะเห็นรถทั้ง 2 คันผ่านหน้ากล้องไป ซึ่งจุดนี้จะอยู่ห่างจากร้านอาหาร ประมาณ 50 เมตร

ซึ่งวันนี้ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปสอบถามร้านอาหารดังกล่าว ได้ข้อมูลมาว่าทั้ง 5 คน ไปที่ร้านอาหารดังกล่าวจริง เดินทางไปถึงที่ร้าน ในเวลา 17.11 น. ทางร้านไม่ได้ระบุถึงบุคคลอื่นนอกจาก 5 คน และบอกแต่เพียงว่ามากันหลายคนเท่านั้น ซึ่งการมาครั้งนี้เป็นการจองห้องรับรองส่วนตัวที่ชั้น 2 ของร้าน

ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือคือ นายกิตติภัฎ ธนาสนธิราช เปิดเผยถึงการตรวจสอบ GPS ว่า GPS นั้นมีความแม่นยำมากอัปเดต 1 วินาที 10 ครั้ง เมื่อเรือมีการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะจอดกลับเรือ เร่งเครื่องเมื่อไร จอดตรงไหน ซึ่งทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวนไปแล้ว โดยใน CPS จะมีเวลาทั้งหมดตั้งแต่ออกจากอู่ไปกินข้าว จากนั้นไปไหน เบี่ยงหัวเรือ กลับเรือตรงไหนบ้าง เเต่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสื่อได้ เนื่องจากเกรงว่าจะมีผลในทางคดี

ความเร็วของเรือลำที่แตงโม โดยสารไปความเร็วสูงสุดประมาณ 10 น็อต หรือ เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าเร็วมาก และช้าสุดอยู่ที่ 3-5 น็อต ซึ่งความเร็ว 10 น็อตมีครั้งเดียวตอนออกตัว บริเวณใกล้ ๆ สะพานพระราม 6 เวลาใกล้เคียงจุดตก โดยความเร็วก่อนที่จะขึ้นไป 10 น็อต อยู่ที่ 3 น็อต ก่อนจะเทคตัวอย่างรวดเร็ว

จากการตรวจสอบ GPS ของเรือลำดังกล่าว ได้ระบุเวลาและวิถีของเรือพบว่า เวลา 22.29.28 น. บริเวณก่อนถึงสะพานพระราม 8 เรือวิ่งที่อยู่ 3.3 น็อต จากก่อนหน้าวิ่งอยู่ที่ประมาณ 8 น็อตมาเรื่อย ๆ ทิศหัวเรืออยู่ที่ 316.7 องศา ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ตำรวจประมาณการณ์ว่าอาจจะตกเรือ ต่อมา 22.29.31 น. ความเร็วเพิ่มมาเป็น 10 น็อต ก่อนจะลดมาที่ 8 น็อต จนกระทั่ง 22.31 น. เรือเริ่มเปลี่ยนทิศ เชื่อว่าน่าจะมีการหักหัวเรือ ไปที่้ 117.1 องศา ที่เวลา 22.34 นาที มีการกลับหัวเรือ ใช้ความเร็วที่ 6 น็อต ซึ่งหลักฐานทั้งหมดสามารถหักล้างพยานหลักฐานอื่นได้ ถือว่าเป็นพยานที่มีหลักฐานน่าเชื่อถือ

นายกิตติภัฏ กล่าวว่า GPS เวลาที่เกิดขึ้นบนเรือจะถูกนำไปเทียบกับภาพถ่ายที่ถ่ายบนเรือได้ เช่น คลิปที่เกิดขึ้นในโซเชียล ว่า เหมือนมีคนตกเรือนั้น บริเวณสะพานพระราม 8 นั้น เมื่อดูภาพจะเห็นได้ว่าเป็นเพียงการหักเหของแสง ภาพกับ GPS ตำแหน่งเรือถูกนำไปเปรียบเทียบกัน ค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก ทั้งภาพที่ร้านอาหาร และภาพที่สะพานพระราม 8 ซึ่งข้อมูลทาง GPS ถือเป็นหลักฐานที่ช่วยตำรวจได้มากพอสมควร ส่วนแตงโมจะตกเรือตอนไหนตนเองก็ไม่สามารถตอบได้ เพราะ GPS จะบอกเพียงทิศทาง ความเร็วของเรือ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะสืบสวนต่อไป

ทีมข่าวได้มีการลงเรือทดสอบกลางแม่น้ำเจ้าพระยา 3 รูปแบบ ด้วยอัตราความเร็วคงที่ 8 น็อต โดยมีการใช้แอปพลิเคชันที่นักเดินเรือเคยใช้วัดความเร็วเรือ เป็นเครื่องมือวัดค่าสำหรับการทดสอบ การทดสอบที่ 1 นั่งบริเวณจุดที่แซนให้ปากคำ คือท้ายเรือ 2 จุดที่กระติกให้ปากคำนั่งอยู่บริเวณหัวเรือ และ 3 จุดที่กลางเรือซึ่งมีลักษณะทดสอบโดยการยืน

การทดสอบ แบบที่ 1 นั่งบริเวณจุดที่แซนให้ปากคำ คือท้ายเรือ ทีมข่าวได้ทดสอบนั่งในตำแหน่งท้ายเรือตามคำให้การของแซน แต่ในการทดสอบทีมข่าวได้ มีการจับบริเวณเบาะด้านหลังเป็นการยึดตัวให้อยู่กับรอ จากนั้นก็ได้เริ่มทำการทดสอบโดยการวิ่งอัตราความเร็ว 8 น็อตคงที่ ซึ่งสามารถที่จะประคองตัวและนั่งอยู่ท้ายเรือได้ตามปกติ ทันทีที่มีการลดความเร็วลงมาอยู่ที่ 3 น็อต ปรากฎว่าจะมีการกระชากความเร็วลงเล็กน้อย แต่ด้านหลังจะไปติดกับที่นั่ง ลักษณะกระชากติดเบาะ ไม่ได้มีการถูกกระชากลงน้ำขายเรือ แต่เมื่อมีการเพิ่มความเร็วจาก 3 น็อต ขึ้นไปอยู่ที่ 10 น็อต เป็นการเพิ่มด้วยสปีดความเร็วกะทันหัน จะทำให้ตัวมีลักษณะโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย แต่หากมีการยึดเกาะกับเบาะด้านหลัง จะไม่ทิ้งตัวหรือร่วงลงไปจากตัวเรือ เว้นแต่ไม่มีอุปกรณ์ยึดติด ก็อาจจะไถลลงน้ำท้ายเรือได้

การทดสอบแบบที่ 2 จุดที่กระติกให้ปากคำ นั่งอยู่บริเวณหัวเรือ บริเวณจุดดังกล่าวจะมีที่นั่งซึ่งค่อนข้างกระชับตัว และยังมีราวซึ่งเป็นกราบเรือ สามารถยึดจับได้ทั้งมือซ้ายและมือขวา โดยขณะที่ทีมข่าวทดสอบนั่งตำแหน่งหัวเรือ เมื่อมีการวิ่งอัตราความเร็วคงที่ 8 น็อต ทุกอย่างยังคงเป็นไปอย่างปกติ จะมีเพียงคลื่นเรือที่ขับแล่นผ่าน หรือคลื่นจากแม่น้ำเจ้าพระยาเล็กน้อย ที่ทำให้เรือแล่นแล้วเกิดอาการโครงเครง จากนั้นเมื่อมีการลดความเร็วคงที่ ลงมาเหลืออยู่ที่ 3 น็อต แทบจะไม่มีปฏิกิริยามาก หากมีการเร่งอัตราความเร็วเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 10 น็อต ทำให้ตัวรู้สึกโยกตามอัตราเร่งของเรืออีกเล็กน้อย

ทดสอบแบบที่ 3 ยืนอยู่บริเวณกลางดำเรือ โดยไม่มีอุปกรณ์ยึดจับ ะหว่างที่มีการใช้อัตราความเร็วคงที่ 8 น็อต ตำแหน่งการยืนกลางเรือยังคงยืนได้ด้วยฐานมั่นปกติ จะมีลักษณะโครงเครงเล็กน้อย จากขึ้นเรือหรือคลื่นน้ำเจ้าพระยา แต่ในระหว่างที่มีการลดระดับความเร็วจาก 8 น็อต ลงมาเหลืออยู่ที่ 3 น็อต การยืนอยู่ตำแหน่งกลางเรือซึ่งไม่มีที่ยึดจับ จะสามารถทำให้ตัวโยกตามจังหวะการผ่อนเรือกะทันหันเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ถึงกับล้ม และเมื่อมีการเร่งอัตราความเร็วกะทันหัน จาก 3 น็อต ขึ้นไปอยู่ที่ 10 น็อต สังเกตได้ว่าการเร่งอัตราความเร็วกะทันหัน ประกอบกับไม่มีที่ยึดจับกลางลำเรือ ทำให้ตัวของทีมข่าวเซไปด้านหลัง ซึ่งลักษณะคล้ายเสียหลัก แต่ก็ยังประคองตัวได้ เพราะไม่ได้มีการกระชากด้วยความเร็วเกินกว่า 10-12 น็อต ซึ่งทีมข่าวตั้งข้อสมมติฐานว่าหากมีการกระชากด้วยความเร็วมากกว่า 10 น็อต อาจทำให้ตัวของทีมข่าวร่วงไปกองอยู่บริเวณท้ายเรือได้

อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบทั้ง 3 แบบ อุปสรรคหรือสิ่งที่จะทำให้เรื่องของการโดยสารบนเรือเปลี่ยนได้ตลอดเวลา คือเรื่องของคลื่นในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อาจทำให้เรือมีลักษณะโครงเครง

นอกจากนี้ เมื่อเวลา 22.34 น. พบภาพจากกล้องวงจรปิดของเรือกลุ่มนายปอกำลังขับเรือวนหาร่างของแตงโม แต่พบว่าวงจรปิดช่วงเวลาก่อนหน้านี้ 22.32 น. ตรวจพบว่ากล้องวงจรปิดเสีย พบเพียงกล้องวงจรปิดในช่วงเวลา 22.10 น.

ด้านนายสุวกร ตั้งสกุลยิ่งเจริญ เเละนายสิทธิกร ตั้งสกุลยิ่งเจริญ เจ้าหน้าที่กู้ภัยใจถึงใจ เปิดเผยว่า ทีมงานของตนเองเป็นทีมไฟส่องสว่าง ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ผ่านทางไลน์ เมื่อเวลา 22.48 น. ของวันเกิดเหตุ 24 ก.พ. 65 ขอไฟส่องสว่างไปสนับสนุนที่เกิดเหตุ ตนเองจึงโทรติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของผู้แจ้ง เพื่อจะสอบถามรายละเอียดเบื้องต้น ซึ่งตอนนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นแซน

โดยแซนบอกกับกู้ภัยว่า "เพื่อนหนูยืนฉี่อยู่หลังเรือเเล้วตกลงไป มาช่วยเพื่อนหนูหน่อยนะคะ" หลังจากได้ยินประโยคนี้ก็ไม่ได้คิดอะไร ตอนแรกคิดว่าคนตกน้ำเป็นผู้ชาย เพราะเพื่อนบอกว่ายืนฉี่ เมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ ปรากฏว่ากลุ่มเพื่อนทุกคนยังอยู่บนเรือ และยังคงขับเรือวนอยู่พักใหญ่ กว่าจะเอาเรือมาจอดที่ท่า แล้วก็ขับออกไปอีกหลายรอบ ส่วนข้อมูลบอกเพียงว่าคนที่ตกน้ำชื่อเเตงโม ทางกู้ภัยก็ยังไม่ทราบว่าเป็นดารา

นายสิทธิกร เปิดเผยว่า จังหวะที่กลุ่มเพื่อนเอาเรือมาจอดที่ท่า ตนเองสังเกตเห็นเเก้วไวน์ 1 ใบ ขวดไวน์ 6-7 ขวด วางอยู่บริเวณหน้ากระจกหน้าคนขับ ในเเก้วมีไวน์อยู่ และมีกระเป๋าวางประคองไม่ให้ไวน์หก เเต่ช่วงนั้นมืดจึงมองไม่เห็นลักษณะกระเป๋า ไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องนี้จะเป็นประเด็นในภายหลัง ส่วนเรื่องการยืนฉี่ตนรู้สึกเเปลกใจมาก เพราะตนเองที่เป็นผู้ชายยังไม่กล้าทำ อีกทั้งเเตงโมเป็นผู้หญิง จะยืนฉี่ได้อย่างไร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- รองผบช.ภ.1 เผย มีคนบนเรืออัพยาจริง เช็กมือถือ ปอ พบโทรหาผู้ใหญ่ระดับบิ๊ก ส่วนคดีคงไม่พลิกจาก อุบัติเหตุ
- ลุงพล ผู้ต้องหาคดีน้องชมพู่ โผล่แนะ คดีแตงโม ตร.ต้องทำงานรัดกุม จะได้ไม่มี "แพะ"
- ทนายตั้ม ผิดหวัง พี่ชายแตงโม ถอนตัวตามคดีน้องสาว หลังแม่เครียดจัดความดันขึ้น