จับ อดีต ผจก.แบงก์-อดีตผู้ใหญ่บ้านแสบ หลอกชาวบ้านกู้เงินก่อนเชิดหนีกว่า 40 ล้าน

3 พ.ค. 67

 

ตำรวจ จับอดีต ผจก.แบงก์ ร่วมมือ อดีตผู้ใหญ่บ้านแสบ หลอกชาวบ้านกู้เงิน ก่อนเชิดหนีกว่า 40 ล้านบาท หนีหัวซุกหัวซุนนาน 8 ปี 

สืบเนื่องจากระหว่างปี 55 - 59 อดีตผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ร่วมมือกับ อดีตผู้ใหญ่บ้าน ต.แก่งโสภา หลอกชาวบ้านให้รวมตัวกันเป็นกลุ่ม เพื่อมาขอกู้เงินนำไปพัฒนาองค์กรชุมชน ตามโครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาชนบท แบบรายกลุ่ม และนอกจากนั้นยังสามารถกู้เป็นในส่วนของรายบุคคลได้ด้วย 

โดยให้ผู้ใหญ่บ้านทำหน้าที่เป็นผู้หาลูกค้าที่เป็นชาวบ้านในชุมชนของตนเอง เพื่อมากู้เงินนำไปพัฒนาชุมชน 

ชาวบ้านบางคนก็มีสิทธิ์ที่จะกู้ได้ บางคนก็ไม่มีสิทธิ์ แต่ได้ทำการหลอกลวงชาวบ้านว่า หากต้องการที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องกู้เงินให้ได้มียอดเยอะๆ โดยขอส่วนแบ่ง เป็นเงินกู้ครึ่งหนึ่ง และจะช่วยผ่อน หากทำตามนี้จะได้รับการอนุมัติเงินกู้อย่างง่ายๆ 

แต่สุดท้าย เมื่อได้ครึ่งหนึ่งของเงินกู้ตามที่ชาวบ้านร้องขอไปแล้ว กลับเชิดเงินหนี รวมยอดความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท ชาวบ้านแห่ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมพิษณุโลก จึงลาออกแล้วหลบหนีลอยนวล 

ต่อมาวันที่ 3 พ.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ มอบหมายให้  พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. นำทีมงานออกสืบสวนกรณีดังกล่าวข้างต้น จนพบว่าพบ อดีตผู้จัดธนาคารหลบหนีมากบดานเปิดแผงพระเครื่องย่านรังสิต 

ส่วนอดีตผู้ใหญ่บ้าน หนีไปเป็น รปภ. ตามบริษัทต่างๆ ใน จ.ฉะเชิงเทรา จึงนำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหารับสารภาพ ทำจริง และรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 6 จังหวัดพิษณุโลก และยังไม่เคยถูกจับมาก่อน 

พ.ต.อ.ศานุวงษ์ กล่าวว่า จากการสอบถามปากคำเบื้องต้น อดีตผู้ใหญ่บ้านแก่งโสภา ชื่อ นาย ทองสุข (สงวนนามสกุล) รับว่าได้ร่วมมือกับอดีตผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่ง ชื่อ นาย มงคล (สงวนนามสกุล) หาลูกค้าเป็นชาวบ้านในชุมชนตัวเองมาเพื่อกู้เงินในโครงการพัฒนาองค์กรชุมชน โดยสามารถกู้เงินจากธนาคารได้ ทั้งแบบกลุ่ม และแบบรายบุคคล โดยอ้างเหตุจูงใจว่า หากชาวบ้านท่านใดที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะกู้เงินตามโครงการ แต่ต้องการจะกู้ให้เขียนยอดกู้เผื่อตนกับผู้จัดการธนาคารเพิ่มอีกเท่าตัวของจำนวนเงินที่ตั้งใจไว้ และรับปากว่าจะช่วยผ่อนชำระ เพื่อให้ชาวบ้านคนนั้นๆ ได้รับเงินไปใช้ก่อนตามจำนวนที่ต้องการ 

แต่สุดท้ายตนเหมือนถูกผู้จัดการธนาคารหลอกใช้ อ้างว่านอกจากตนจะไม่ได้ส่วนแบ่งแล้ว ยังมาถูกดำเนินคดี มีหมายจับติดตัวอีก ส่วนตัวตามหาผู้จัดการอยู่ตลอด แต่ติดต่อไม่ได้ 

ด้านนายมงคล (สงวนนามสกุล) อดีตผู้จัดการธนาคาร ให้การรับสารภาพว่า ทำจริง แต่ก็ไม่ได้อยู่สบาย เพราะถูกดำเนินคดีอื่นๆ อีกหลายคดี ยึดทรัพย์จนหมดตัว หลบหนีมาขายพระเครื่องย่านรังสิต หากินไปวันๆ และไม่ติดต่อกับใครหรือกลับบ้านเกิดแต่อย่างใด 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อหา นายมงคล อดีต ผจก.แบงค์ว่ากระทำความผิดฐาน เป็นพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย,  ฐานเป็นพนักงาน ใช้อำนาจในหน้าที่โดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, ฐานเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ส่วน นาย ทองสุข อดีตผู้ใหญ่บ้านแจ้งข้อหาว่ากระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนพนักงาน 

โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ มูลค่าทรัพย์ที่เสียหาย คิดเป็นจำนวนทั้งสิ้นกว่า 40 ล้านบาท 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส