สืบเนื่องจากกรณีที่ทางเพจเฟซบุ๊ก "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 2" ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ที่ระบุว่า มีชายสวมชุดดำ กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน คล้ายชายเร่ร่อนมาขอเงินประชาชนที่เดินผ่านไปผ่านมา ในจุดซื้อขายของฝากทางรถไฟทวีกิจ จังหวัดสระบุรี โดยเหตุการณ์ที่บันทึกไว้นั้น พบว่าชายคนดังกล่าวมีการใช้เท้าจะทำร้ายคนที่อยู่จุดที่เข้านั่งอยู่ เพราะไม่ยอมให้เงินเขา
มีการอธิบายเพิ่มเติมจากเจ้าของคลิปที่แจ้งมาว่า "สงสัยมันต้องโดนเข้าสักวัน คนเร่ร่อนขอเงินพอเค้าไม่ให้จะทำร้ายเค้า มาขอเงินฉัน ฉันทำเฉยไม่ให้เงิน ฟาดขามาเลยจ้า เคยให้บ่อย เจอบ่อย จนไม่อยากให้แล้ว พอไม่ให้เท่านั้นแหละ ด่าหยาบแล้วบอกไม่กลัวตำรวจด้วย เคยตบผู้หญิงจนหูฉีกมาแล้ว ตำรวจมารวบไปแต่ก็ยังกลับมาเดินที่เดิมอยู่ ฝากเตือนภัย ระมัดระวังชายเร่ร่อนคนนี้ รูปร่างสูง ผิวคล้ำ ไม่ค่อยใส่แมส มักจะชอบเดินขอเงินแถวระแวกร้านของฝากทางรถไฟทวีกิจ"
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทราบว่าคลิปกล้องวงจรปิดดังกล่าวจับภาพเหตุการณ์ได้ในช่วงวันที่ 8 มกราคม 2565 ล่าสุด วันที่ 10 ม.ค. 65 ทางทีมข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ บริเวณจุดขายของฝากริมทางรถไฟสระบุรี ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี เป็นร้านของของฝากที่ประชาชนนักท่องเที่บวส่วนใหญ่จะมาค่อนข้างเยอะ
น.ส.วันอาทิตย์ ประเสริฐจิตร์ อายุ 32 ปี หญิงสาวที่เจอเหตุการณ์และเป็นคนโพสต์คลิป เล่าว่า ปกติเเล้วตนเองจะเดินทางมารับขนมในจุดที่เกิดเหตุเพื่อนำไปส่งต่อเป็นประจำเกือบทุกวัน คนก่อเหตุเองนั้น ตนเคยเห็นหน้ามาก่อน เพราะเขาจะเดินผ่านไปผ่านมาในจุดดังกล่าวบ่อยมาก มาทุกครั้งก็ต้องเจอ พฤติกรรมของเจ้าตัวจะชอบยกมือไหว้ขอเงินลูกค้า หรือประชาชนที่เดินสัญจรไปมา ตนเองก็เคยให้เงินเขาครั้งละ 10 -20 บาท แต่ข่วงหลังค่อนข้างขอบ่อย เลยไม่อยากจะให้
ประจวบกับวันที่เกิดเหตุ ตนก็กำลังนั่งรอขนมอยู่หน้าร้าน เวลาประมาณ 13.20 น. ของวันที่ 8 มกราคม 2565 ชายคนดังกล่าวก็เข้ามาขอเงิน ตนทำหน้านิ่งเฉยใส่ และไม่ได้มีการพูดคุย ชายเร่ร่อนคนดังกล่าวก็ได้นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ สักประมาณ 1 นาที ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินผ่านหน้าตน หันกลับแล้วยกเท้าขวาทำท่าจะฟาดใส่หน้าตนที่นั่งอยู่ ซึ่งตอนนั้นตนตกใจตะโกนถามว่าทำไม อีกฝ่ายกลับด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ก่อนที่ตนขู่ว่าจะไปแจ้งความ แต่ชายเร่ร่อนรายดังกล่าวกลับบอกไม่กลัว แล้วเดินไป
ก่อนหน้านี้ตนเจอชายคนดังกล่าวบ่อย เคยให้เงินตามที่เขาขอ เขาไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ครั้งนี้ไม่ให้กลับทำร้าย ตนเลยมองว่าเรื่องแบบนี้ไม่สมควรเกิดขึ้น หากวันนั้นตนเองไปพร้อมลูกสาว หรืออีกฝ่ายมีอาวุธ อาจจะเลวร้ายมากกว่านี้ รวมไปถึงพื้นที่ดังกล่าวเองก็เป็นจุดท่องเที่ยว คนสัญจรไปมาหวั่นว่าอาจจะเกิดอันตรายได้ ตนเองอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล และจัดการ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของจังหวัด
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองสระบุรี จำนวนกว่า 10 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสระบุรี ได้เดินทางลงมาในพื้นที่จุดเกิดเหตุ พร้อมมีการสอบถามและพูดคุยกับทางด้านทางด้านผู้เสียหาย ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ พมจ. ได้ร่วมกันเดินลงพื้นที่เพื่อหาตัว และติดตามหนุ่มเร่ร่อนรายดังกล่าว ชาวบ้านในพื้นที่เองได้ให้เบาะแสว่าอาจจะพักอยู่แถวริมสะพานข้ามแยก ตำรวจ และ พมจ. เดินทางไปตรวจสอบไม่เจอตัว
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสาน พมจ.สระบุรี ให้ดำเนินการจัดการนำตัวชายเร่ร่อนที่เจอตัวไปยังสถานที่รองรับคนไร้ที่พึ่งตามลำดับ ขณะที่ในส่วนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง หลังจากนี้ก็ได้มีการระบุว่าจะจัดเตรียมสายตรวจเพื่อขับรถตามซอกตามซอย ค้นหาตัวชายเร่ร่อนที่ก่อเหตุมาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย จะมีการตรวจหาสารเสพติด เช็กประวัติอาชญากรรมในเบื้องต้น
ส่วนของเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่าแล้วเคสนี้หากเป็นชายเร่ร่อนตามปกติ ไม่ได้มีการก่อเหตุทะเลาะวิวาท หรือมีเรื่องราวของคดี ตามหลักปฎิบัติทางเจ้าหน้าที่ พมจ. จะสามารถนำตัวไปบังสถานที่รองรับของคนไร้ที่พึ่งได้ แต่ด้วยเคสนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับคดี อาจจะต้องเป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการนำตัวไปดำเนินคดีก่อนเบื้องต้น
นายสุเพียร ให้ อายุ 36 ปี พ่อค้าร้านขนมในจุดเกิดเหตุ เล่าว่า วันเกิดเหตุ ตนเห็นจังหวะที่ผู้ก่อเหตุได้พยายามวิ่งหนีแล้ว ภาพจากกล้องวงจรปิดก็สามารถจับภาพเอาไว้ได้ ซึ่งคนเร่ร่อนนั้นตนเคยบ่อยครั้ง นิสัยก็จะชอบเดินขอเงินชาวบ้าน และนักท่องเทึ่ยวเป็นประจำ มีทั้งคนให้และไม่ให้ ส่วนเรื่องที่ก่อเหตุนั้นเป็นเหตุการณ์ครั้งที่ 2 ครั้งแรกก่อนหน้านี้ประมาณ 3-4 เดือน ชายเร่ร่อนรายดังกล่าวเคยก่อเหตุการณ์ตบหน้านักท่องเที่ยวผู้หญิงที่แวะมาซื้อของฝาก หญิงรายดังกล่าวเองก็พยายามจะวิ่งหนี และขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งพลเมืองดีได้จับตัวและนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ ก็เห็นชายคนดังกล่าวกลับมาเดินขอเงินชาวบ้านตามเดิม
ตนยืนยันว่าก่อนหน้าทางผู้ก่อเหตุเองเคยมีอาการลักษณะคล้ายว่าโมโห เดินผ่านหน้าร้าน ตะโกนด่าลูกค้า จนหลายคนหวาดกลัวและเดินกลับขึ้นรถทันที ยอมรับว่าตอนนี้เพราะเกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้น ก็รู้สึกหวาดกลัว เพราะหวั่นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะย้อนกลับมาเกิดขึ้นกับตนเอง กังวลว่าหากยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาจัดการ อาจจะทำให้ลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวไม่กล้ามาซื้อของในพื้นที่ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดด้วย
