บุกมุดถ้ำลือซ่อนทอง 14 ตัน เจอขี้อื้อ ชาวบ้านเจอจริงปราสาททองยอดเขา (คลิป)
กรณีชาวบ้านลือกันว่าภายในถ้ำบนยอดเขาแห่งหนึ่งของ จ.สุโขทัย เป็นสถานที่ซุกซ่อนทองคำแท่งหนักประมาณ 14 ตัน ในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทหารญี่ปุ่นได้ขนลงจากสถานีรถไฟที่ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย แล้วนำมาซ่อนไว้ในถ้ำบนยอดเขา กระทั่งหลังสงครามยุติได้ 2-3 ปี ก็มีชาวบ้านพบเห็นทหารญี่ปุ่นราว 200 นาย ขึ้นไปขุดค้นหาทองคำ แต่ก็ยังไม่เจอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุดวันที่ 21 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังเขาพระบาทใหญ่ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย จึงได้พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่
โดยนางดวงดาว ปูอุ่น อายุ 50 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าถึงตำนานของภูเขาแห่งนี้ ให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ระหว่างที่อยู่ที่บ้าน ช่วงกลางดึก มองจากบ้านไปบนยอดเขาเห็นปราสาทสวยงามขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น และช่วงดึก ๆ ประมาณตี 1 ตี 2 ก็ได้ยินเสียงเพลงมโหรีบรรเลงดนตรีไทยเสียงดังกึกก้อง คล้ายกับมีงานวัด งานใหญ่โต ซึ่งตนเชื่อว่าถ้ำที่พบอาจจะมีทองคำขุมทรัพย์มหาศาลอยู่ภายในนั้นก็ได้
นอกจากนี้ นางดวงดาว ยังฝันอีกด้วยว่า เคยมีวิญญาณตนหนึ่งมาเข้าฝัน และนำหีบทองขนาดใหญ่มามอบให้ แต่จะต้องมีของมาเซ่นไหว้ ซึ่งตอนนั้นตนไม่เชื่อจึงไม่ได้ทำตาม ซึ่งก็อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้ำแห่งนี้มีทองคำอยู่จริงหรือไม่
ส่วนตำนานเรื่องทองของทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตนยังไม่เคยพบ และยังไม่เคยเห็นแต่อย่างใด และเท่าที่ทราบตั้งแต่เกิดยังไม่มีใครเจอทองคำแม้แต่คนเดียว โดยชาวบ้านในละแวกนี้จะเชื่อเรื่องของพระร่วงกันมากกว่า ว่าเป็นกษัตริย์เมื่อ 100 กว่าปีก่อน และชาวบ้านมักจะพบเจอหินที่เรียกว่าข้าวตอกพระร่วง เชื่อกันว่าเป็นของโบราณ และเป็นสิริมงคลต่อผู้ที่ได้ครอบครอง และมีการซื้อขายกันอยู่บ้าง
ต่อจากนั้น นางดวงดาว และชาวบ้านอีก 2 คนพาทีมข่าวขึ้นไปยังบริเวณเขาพระบาทใหญ่ เพื่อพาทีมข่าวขึ้นไปดูถ้ำบริเวณยอดเขา ซึ่งทางขึ้นเขาค่อนข้างชันมาก ทางขึ้นก็เต็มไปด้วยหินและทรายรวมถึงต้นไม้แห้ง บางต้นมีหนามและยิ่งขึ้นสูงทางยิ่งค่อนข้างลาดชัน ซึ่งจากบริเวณตีนเขาถึงถ้ำแรกประมาณ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินประมาณ 30 นาที ก็เจอถ้ำที่ 1
บริเวณหน้าถ้ำที่ 1 ทางเข้าถ้ำประมาณ 1 เมตร ต้องมุดและคลานเข้าไปด้านใน ไม่สามารถเดินเข้าไปได้ เข้าไปด้านในมีโถงอยู่ด้านใน 4 โถง มีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน หากดูจากด้านนอกอาจจะเป็นทางเข้าไม่ใหญ่มาก แต่ด้านในนั้นค่อนข้างลึก และมีการขุดเจาะทึ่คาดว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ ด้านในสูงประมาณ 50-170 ซม. มีทางแยก 2 ทาง ทางซ้ายลึกไปประมาณ 10 เมตร ทางขวาลึกประมาณ 5 เมตร
นอกจากนี้พบว่ามีค้างคาวและแมงมุม รวมถึงปลวก อยู่ภายในถ้ำ ไม่พบปล่องอากาศแต่อย่างใด และสภาพอากาศด้านในค่อนข้างอบอ้าวหายใจลำบาก ไม่พบวัตถุที่มีลักษณะคล้ายทองคำ โดยไม่พบทางเชื่อมไปยังถ้ำอื่น เข้าไปด้านในตันทุกโถง
บริเวณถ้ำที่ 2 ห่างจากถ้ำแรก 50 เมตร ทางเข้าสูงประมาณ 120 ทางเข้าสามารถเข้าได้ง่ายและสะดวกกว่าถ้ำแรก แต่ด้านในไม่ยาวเท่าถ้ำที่ 1 และ มีทางแยก 2 ทาง และมีค้างคาว เช่นเดียวกัน ด้านในไม่สามารถทะลุไปที่อื่นได้
ถ้ำที่ 3 ห่างจากถ้ำที่ 2 ประมาณ 15 เมตร เป็นถ้ำขนาดเล็ก คล้ายช่องว่างระหว่างหิน กว้างและลึกประมาณ 2 เมตร 50 ซม. ไม่สามารถเข้าไปด้านในได้
ถ้ำที่ 4 ห่างจากถ้ำที่ 3 ประมาณ 15 เมตร เป็นถ้ำขนาดเล็ก คล้ายช่องว่างระหว่างหิน กว้างไม่มาก และลึกประมาณ 3 เมตร ไม่สามารถเข้าไปด้านในได้
เดินไปบนยอดเขาอีกประมาณ 50 เมตร ก็พบรูขนาดใหญ่ หรือชาวบ้านคาดว่าเป็นกินที่ชาวบ้านเคยมาขุดข้าวตอกพระร่วงมาก่อน หลุมแรก ลึกประมาณ 1 เมตร ด้านข้างมีจอมปลวก ใหญ่ 1 แห่ง ถัดมาอีกหลุมก็ลึกประมาณ 1 เมตรเช่นกัน
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายอานุภูมิ มณเฑียร นายช่างโยธาชำนาญงาน อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย กล่าวว่า เรื่องทองคำคนในพื้นที่ไม่มีใครทราบ และภูเขาที่กล่าวถึง ความจริงแล้วก็มีถ้ำนับร้อยบนยอดยอด เป็นถ้ำที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ แต่ยังไม่ทราบว่าขุดเพื่ออะไร และเรื่องของทหารญี่ปุ่น เป็นที่ทราบกันว่า พ.ศ.2485 มีการยกพลขึ้นบกที่ภาคใต้ของไทย และมีการเดินผ่าน จ.พิษณุโลก เพื่อเดินทางไปประเทศพม่า และเดินผ่านทางหลวงหมายเลข 12 ของสุโขทัย ไม่ใช่บริเวณดังกล่าว ส่วนเรื่องมีทองบนภูเขานั้นมีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย
เจ้าหน้าที่กังวลว่าจะแตกตื่น ที่ชาวบ้านอาจจะเดินทางมาขุดหาทองกันจำนวนมาก และพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติ รามคำแหง และมีการประสานเจ้าหน้าที่อุทยาน และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ไว้เบื้องต้นแล้ว ในการดูแลไม่ให้ชาวบ้านแห่ไปขุดทองในถ้ำ สามารถมาดูได้ชมได้ แต่ห้ามขุดหรือเจาะ เพราะการเจาะหรือขุดก็มีความผิดตามกฎหมาย และหากเจอทองจริงก็ต้องตกเป็นสมบัติของแผ่นดินแน่นอน ส่วนสิ่งที่ต้องระวัง คือ ในถ้ำมีอากาศชื้น และอาจจะมีสัตว์มีพิษเข้าไปหลบอยู่ด้านใน
Advertisement
