ไซเบอร์ เตรียมยื่นขอหมายแดง เครือข่ายก๊กอาน ผู้ต้องหาอาชญากรรมข้ามชาติ
ตำรวจไซเบอร์ เตรียมยื่นขอหมายแดง เครือข่าย "ก๊กอาน" ผู้ต้องหาอาชญากรรมข้ามชาติ คนสนิท สมเด็จฮุนเซน
(9 ก.ค. 2568) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) กล่าวถึงผลปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย 19 จุดในพื้นที่กรุงเทพ จ.สมุทรปราการ และ จ.ชลบุรี เครือข่ายนายก๊ก อาน เจ้าของ Crown Casino Resort เมื่อวานที่ผ่านมา (8 ก.ค. 2568) โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 17 ราย แบ่งเป็น ชาวจีน 10 ราย ชาวเมียนมาร์ 4 ราย ชาวกัมพูชา 2 ราย และคนไร้สัญชาติ 1 ราย ซึ่งทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ผบก.1 บก.สอท.) ได้ขอหมายค้นเพิ่มอีกหนึ่งจุด ซึ่งเป็นบ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ของบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับนายก๊ก อาน แต่ปรากฏว่าบ้านถูกปิดเงียบ คาดว่าน่าจะทราบข่าวก่อนการลงตรวจค้น จึงต้องประสานกับฝ่ายปกครองเพื่อทำการเข้าตรวจคนอีกครั้ง เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านและไม่มีนิติบุคคลที่สามารถประสานงานได้
ส่วนเรื่องของเส้นทางการเงิน พบว่ามีหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับนายก๊ก อาน เฉพาะในปี 67-68 ที่ตนรับตำแหน่ง ผบช.สอท. เช่น คดีจับกุม 56 คนไทยที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปอยเปต มีเส้นเงินเชื่อมโยงกับตึก 18 ชั้น คดีภูริคาสิโน และคดี น.ส.ชาล็อต ออสติน ที่มีเส้นเงินเชื่อมโยงตึก 25 ชั้น และคดีแพทย์ถูกหลอก 30 ล้าน ซึ่งมีเส้นเงินเชื่อมโยงกับตึก 25 ชั้น และตึก 17 ชั้น หรือตึก HISO ซึ่งทั้งหมดเป็นตึกของนายก๊ก อาน นำมาสู่การดำเนินคดีกับนายก๊ก อาน ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าว
ส่วนกรณีที่ นายก๊ก อาน อยู่ที่ประเทศกัมพูชานั้น เบื้องต้นได้มีการตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน พร้อมมอบหมายให้ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (รอง ผบก.สอท.) เป็นหัวหน้าคณะ ทำรายงานไปยังตำรวจกองการต่างประเทศ (ตท.) เพื่อประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นเมื่อพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องจะมีการรายงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
ส่วนความร่วมมือจากประเทศกัมพูชา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยอมรับว่า ในคดีก่อนหน้านี้ที่ตำรวจไทยเคยประสานไปยังกัมพูชาปรากฏว่าไม่ได้รับความร่วมมือ แต่ครั้งนี้ตนเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของตำรวจกัมพูชาว่าจะให้ความร่วมมือกับตำรวจสากล
ส่วนเรื่อง น.ส.จุรี หรือ เชอรี่ ที่มีการถือบัตรประชาชนคนไทย เบื้องต้นจากข้อมูลการสืบสวนพบว่าข้อมูลมีความขัดแย้งกับทะเบียนราษฎร์ ซึ่งจะมีการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมเพื่อสรุปผลปฏิบัติการอีกครั้ง ทั้งเรื่องทรัพย์สินของกลางที่ตรวจยึดได้ ข้อมูลเบื้องต้นจากโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งจะเชิญคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าร่วมประชุมด้วย ก่อนสรุปรายงานไปยังพล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ต่อไป โดยพรุ่งนี้จะมีการแถลงข่าวอีกครั้งในเวลา 13:00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
Advertisement
