เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ (ฉก.อรัญประเทศ) ร่วมกับหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหารที่ 11 (นฝด.11) จัดกำลัง ชุดปฏิบัติการลาดตระเวนทางอากาศ (ชฝด.ลว.ทางอากาศ) โดยใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ตรวจการณ์แนวชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อสกัดกั้นการกระทำความผิดและการลักลอบข้ามแดน
บริเวณพื้นที่บ้านท่าตาทุย ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว (พิกัด 48P TA 35127 11054) เจ้าหน้าที่ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยจำนวน 5 ราย กำลังเดินเท้าจากฝั่งไทยไปยังแนวเขตแดนคลองน้ำใส และพบเรือข้ามฟากอยู่ในฝั่งกัมพูชาตรงข้ามจุดดังกล่าว
จากการเฝ้าสังเกตด้วยโดรน พบว่า มีบุคคล 3 คนจากฝั่งกัมพูชากำลังข้ามฟากเข้ามาฝั่งไทย ขณะที่มีบุคคลอีก 4 คนจากฝั่งไทยพยายามข้ามไปฝั่งกัมพูชา หนึ่งในนั้นได้ขึ้นรถจักรยานยนต์ที่มาจอดรออยู่ใกล้บริเวณจุดข้าม เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าควบคุมตัวและทำการตรวจสอบ
จากการสอบสวนชายไทย 2 คน ให้การว่าได้ลักลอบข้ามแดนผ่านคลองพรหมโหด ซึ่งเป็นเส้นทางธรรมชาติที่ไม่มีสิ่งกีดขวางมากนัก สามารถเดินลุยข้ามได้ง่าย โดยระบุว่า ไม่สามารถใช้จุดผ่านแดนถาวรได้เนื่องจากมาตรการควบคุมที่เข้มงวด และไม่มีเอกสารเดินทาง
เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ทั้งหมด 3 ราย ได้แก่
1. นายสมชาย อายุ 31 ปี
ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการติดต่อจากบุคคลไม่ทราบชื่อให้เปิดบัญชีธนาคารจำนวน 5 บัญชี โดยได้รับค่าจ้างบัญชีละ 5,000 บาท ต่อมาถูกนัดพาไปยังฝั่งกัมพูชาเพื่อดำเนินการ “สแกนใบหน้า” กับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์
2. นายสุภโชค อายุ 37 ปี
พร้อมภรรยาเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อไปเล่นการพนันที่ปอยเปต แต่ไม่มีพาสปอร์ต จึงใช้เส้นทางธรรมชาติข้ามแดนโดยติดต่อกับคนรู้จักให้ช่วยพาไป
3. นายชัยพล อายุ 28 ปี
ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างให้มารอรับกลุ่มที่ข้ามแดนจากฝั่งกัมพูชา เพื่อนำไปส่งต่อยังจุดหมายในเขตประเทศไทย
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวทั้งหมดให้กับสถานีตำรวจภูธรคลองลึก (สภ.คลองลึก) เพื่อสอบสวนขยายผล พร้อมตรวจสอบโทรศัพท์มือถือและสมุดบัญชีธนาคาร เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกับขบวนการข้ามชาติที่อยู่เบื้องหลัง
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “ลักลอบเข้า–ออกประเทศโดยผิดกฎหมาย”, “ให้การสนับสนุนการกระทำผิด” และอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มเติมในข้อหา “ร่วมกันสนับสนุนหรือเกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ” หากพบพยานหลักฐานเพิ่มเติม
ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ได้เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนตามแนวชายแดน พร้อมทั้งเร่งประสานกับทางการกัมพูชา เพื่อขยายผลไปยังต้นทางของขบวนการดังกล่าวต่อไป
Advertisement