เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.อัคนี ณ บางช้าง สว.กก.4 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม ร่วมกันจับกุม น.ส.บวรรัตน์ฯ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 296/2568 ลงวันที่ 18 มีนาคม 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
สถานที่จับกุม กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม แขวงจอมพล เขตจตุจักร จ.กรุงเทพฯ พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากบุคคลอ้างตัวว่า
เป็นเจ้าหน้าที่บริษัทขนส่งเอกชน แจ้งว่ามีพัสดุต้องสงสัยที่ภายในบรรจุพาสปอร์ตของชาวเมียนมา สมุดบัญชีธนาคารหลายรายการ รวมถึงบัญชีธนาคารที่มีชื่อของผู้เสียหายอยู่ด้วย จากนั้นผู้ต้องหาได้ใช้เบอร์โทรศัพท์ปลอมเป็นสายด่วน 191 โทรกลับมาหาผู้เสียหาย อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า ผู้เสียหายอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงินและเสนอให้เพิ่มเพื่อนไลน์ โดยใช้ชื่อและตราของหน่วยงานราชการปลอม พร้อมวิดีโอคอลใส่เครื่องแบบตำรวจ อ้างข้อกฎหมายและข่มขู่ให้โอนเงินเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงินจำนวน 3 ครั้ง รวมทั้งสิ้นกว่า 150,000 บาท ต่อมาทราบว่า ถูกหลอกจึงเข้าแจ้งความ
จากการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเส้นทางการเงินโยงถึงหลายบัญชี หนึ่งในนั้นเป็นชื่อของ น.ส.บวรรัตน์ฯ ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ก่อนจับกุมตัวผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายกฤตธีฯ
สามีของ น.ส.บวรรัตน์ฯ ตามหมายจับศาลอาญาในความผิดเกี่ยวกับ “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ที่ จ.อุทัยธานี ซึ่งขณะจับกุมนายกฤตธีฯ
น.ส.บวรรัตน์ฯ ได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่จับตนเองไปด้วย อ้างว่า ตนก็น่าจะมีหมายจับและไม่อยากห่างสามี แต่ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบหมายจับแต่อย่างใด ต่อมาหลังจากจับกุมตัวนายกฤตธีฯ เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า น.ส.บวรรัตน์ฯ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับจริง และทราบว่า น.ส.บวรรัตน์ฯ ย้ายมาอยู่ใกล้เรือนจำ
ต่อมาพี่สาวของ น.ส.บวรรัตน์ฯ ทราบว่า น.ส.บวรรัตน์ฯ มีหมายจับ จึงติดต่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เพื่อขอมอบตัวตามความประสงค์ของ น.ส.บวรรัตน์ฯ ที่ต้องการติดคุก และออกคุกมาพร้อมกับ นาย กฤตธีฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการจับกุม น.ส.บวรรัตน์ฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ไม่ให้การใดๆ
Advertisement