(12 พ.ค.68) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋นบุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.บุรีรัมย์ ได้พา น.ส.พิงค์ อายุ 23 ปี ซึ่งมีอาชีพเป็น รปภ.แห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความที่ สภ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีที่นายนึกอายุ40ปี อาชีพผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นอดีตสามีที่เลิกรากันแล้ว ได้ยึดตัว ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 5 ขวบซึ่งเป็นลูกสาวแท้ๆ ของ น.ส.พิงค์ เอาไว้นานเกือบ3ปี ทั้งที่นายนึก ไม่ใช่พ่อแท้ๆ
และยังมีพฤติกรรมดื่มเหล้าเมาชอบใช้ความทำรุนแรง ฝ่ายหญิง จึงเกรงว่าลูกสาวจะได้รับอันตรายและกลัวหากเด็กโตขึ้นจะสุ่มเสี่ยงถูกกระทำทางเพศด้วย เพราะฝ่ายชายไม่ใช่พ่อแท้ๆ น.ส.พิงค์ ยังให้ข้อมูลอีกว่าตอนที่มาอยู่กินกับนายนึกตั้งครรภ์มาก่อนแล้ว 6เดือน ซึ่งฝ่ายก็ทราบพอคลอดก็ยังใช้ชีวิตอยู่กับนายนึก ตอนนั้นตนอายุแค่ 18 เข้าใจว่าเมื่อคลอดเด็กต้องมีพ่อ จึงใส่ชื่อนายนึก เป็นพ่อเด็กทั้งที่ตัวนายนึก แม่นายนึก หรือแม่กระทั่งคนในหมู่บ้านก็รู้ว่านายนึกไม่ใช่พ่อของเด็ก ก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาเรื่อย
แต่นายนึก เป็นคนโมโหร้ายและดื่มสุรา เวลาไม่พอใจอะไร ก็จะชอบทำลายข้าวของบางครั้งก็ทำร้ายร่างกายตนเอง จนทนไม่ไหว กระทั่งลูกสาวอายุประมาณ 2 ขวบเศษ จึงได้พาลูกหนีไปอยู่บ้านญาติ แต่แม่ของนายนึกก็แอบมาขโมยเอาลูกไปคืน แต่ตนไม่กล้าตามไปเอาลูกคืนเพราะกลัวอดีตสามีจะทำร้าย จึงตัดสินใจไปหาแม่ที่กรุงเทพฯ ไปทำงานก่อสร้าง ที่ผ่านมาก็พยามติดต่อขอลูกคืนหลายครั้ง แต่นายนึกไม่ยอมให้บอกว่าถ้าอยากได้ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดู และยังเคยทำร้ายลูกสาวประชดตนเองด้วย จึงตัดสินใจร้องเรียนทนายอั๋น และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ เพราะอยากได้ลูกสาวไปเลี้ยงดูตามสิทธิ์ความเป็นแม่แท้ๆ
หลังแจ้งความที่โรงพัก ทนายอั๋น พร้อมบ้านพักเด็กฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่เทศบาลหนองเต็ง และกำนัน ก็ได้เดินทางไปยังบ้านของนายนึก ซึ่งเป็นอดีตสามีของผู้ร้องและเป็นพ่อเลี้ยงของ ด.ญ.เอ วัย 5 ขวบ ทันทีที่ น.ส.พิงค์ ได้เจอลูกสาว ก็ดีใจต่างฝ่ายต่างก็กอดกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ พยายามจะกันตัวเด็กออกไปก่อนเพราะไม่อยากให้กระทบสภาพจิตใจ เพื่อให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยโดยมีเจ้าหน้าที่เป็นคนกลางในการพูดคุย
ซึ่งทนายอั๋น และเจ้าหน้าที่ก็มีการพูดคุยเจรจาอยู่หลายชั่วโมง นายนึก ซึ่งก็ยอมรับว่าไม่ใช้พ่อแท้ๆ ของเด็ก รวมถึงแม่ของนายนึก ด้วย ก็ยืนกรานว่าไม่ให้ น.ส.พิงค์ แม่แท้ๆ เอาลูกสาวไป โดยอ้างว่าเขาเลี้ยงมาก็รักเหมือนลูกเหมือนหลานแม้จะไม่ใช่สายเลือดแท้ๆ ขณะเดียวกันนายนึก ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาก็พยายามถาม ด.ญ. 5 ขวบว่าจะอยู่กับใคร เด็กก็ตอบหลายรอบว่าอยากไปอยู่กับแม่ ซึ่งดูเหมือนว่าจะจบลงด้วยดี แต่สุดท้ายนายนึก และแม่ก็ไม่ยอมให้เอาเด็กไปและพยายามกดดันจนเด็กเปลี่ยนใจไม่ไป
ทำให้ น.ส.พิงค์ แม่แท้ๆสงสารลูกไม่อยากให้กระทบสภาพจิตใจ จึงยอมที่จะให้อดีตสามี และแม่อดีตสามีเลี้ยงไปก่อนสัก 1 ปี และระหว่างนี้ก็พยายามลางานมาหาลูกบ่อยๆ ทั้งจะส่งเงินมาช่วยค่าเลี้ยงดูด้วยแต่หากฝ่ายชายใช้ความรุนแรง หรือสุ่มเสี่ยงที่ลูกจะไม่ปลอดภัย ก็จะใช้สิทธิ์ตามกฎหมายและเอาลูกสาวไปทันที
ด้านทนายอั๋น ระบุว่า กรณีนี้สามารถใช้สิทธิ์ตามกฎหมายดำเนินการได้อยู่แล้ว เพราะฝ่ายหญิงเป็นแม่แท้ๆ ส่วนฝ่ายชายที่เป็นอดีตสามีไม่ใช่พ่อแท้ๆ แม้จะลงแจ้งในใบเกิดระบุว่าเป็นพ่อ แต่ฝ่ายชายก็ยอมรับว่าไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่หากนึกถึงความรู้สึกที่ฝ่ายชายและแม่ฝ่ายชาย ที่เลี้ยงดูเด็กมาตั้งเด็กแม้สภาพความเป็นอยู่จะดูไม่ปลอดภัยกับเด็กเท่าที่ควร
อีกทั้งฝ่ายชายก็ชอบดื่มสุรามึนเมาและมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง แต่เมื่อพูดคุยแล้วฝ่ายหญิงซึ่งเป็นแม่แท้ๆ ไม่อยากให้กระทบสภาพจิตใจลูกและเห็นใจที่เด็กยังผูกพันกับฝ่ายชาย จึงยอมที่จะยังไม่รับลูกไปในวันนี้ แต่จะมาเยี่ยมและส่งเสียงเลี้ยงดูตามกำลังไปก่อน เมื่อครบกำหนดตามที่ตกลงถึงจะรับไปเลี้ยง แต่ระหว่างนี้หากมีเหตุการณ์ที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดอันตรายกับก็จะมี เจ้าหน้าที่เข้ามาคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก และอาจจะให้แม่ใช้สิทธิ์ตามกฎหมายต่อไป
Advertisement