แฉอีก! ครอบครัวหรรษาตบทรัพย์พระกุข่าวจับนม โป๊ะแตกวัดลพบุรีแฉภาพยกก๊วน (คลิป)

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Supachai Tongkham" ได้โพสต์คลิปพระทะเลาะกับโยม พร้อมระบุเรื่องราวว่า "ใครพบเห็นครอบครัวนี้ อย่าให้เข้าวัดนะครับ เพราะว่าไปอยู่ที่ไหนมีปัญหาที่นั่น มาหลายที่แล้ว ใส่ร้ายพระ ทำร้ายพระ เป็นขบวนการ เพื่อที่จะมาแบล็กเมลพระ มีทั้งหมด 5 คนพ่อแม่ลูกเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอแก่งคอย

ล่าสุดวันที่ 11 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ พบพระเสริม อายุ 61 ปี พระลูกวัด เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นตามคลิป

พระเสริม เปิดเผยว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.63 ที่ผ่านมา ขณะที่อาตมาพร้อมพระรูปอื่น ๆ กลับจากบิณฑบาต พบเหตุการณ์ความชุลมุนและมีเสียงตะโกนโวยวายระหว่างเจ้าอาวาส อายุ 55 ปี พร้อมเสียงชายหญิงกล่าวหาว่าเจ้าอาวาสจับหน้าอกหญิงสาวพร้อมถ่ายคลิปไว้ พวกอาตมาจึงได้เข้าไปห้าม แต่กลุ่มคนดังกล่าวได้ผลักจนล้มลง และใช้ไม่ฟาดเข้าที่ด้านหลัง บาดเจ็บเล็กน้อย เมื่อเหตุการณ์สงบครอบครัวชายหญิงดังกล่าว ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.แก่งคอย

พระเสริม เล่าอีกว่า ในวันเดียวกันหลังสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว พบว่าครอบครัวชายหญิงดังกล่าว เคยก่อเหตุและมีพฤติกรรมในลักษณะนี้มาหลายครั้งหลายวัด ทั้งในกทม. จ.ลพบุรี และที่อื่น ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้น ทางครอบครัวที่มาอาศัยวัดอยู่จึงยินยอมถอนแจ้งความ

จากนั้นทางวัดคณะกรรมการวัดจึงให้ครอบครัวดังกล่าวขนของออกจากวัด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเป็นสักขีพยานและเรื่องก็เงียบหายไปนานมาแล้ว แต่ทำไมมีคลิปภาพเหตุการณ์ออกมาเผยแพร่อีก เจ้าอาวาสแจ้งว่ากลุ่มคนดังกล่าวได้เข้ามาขอเงินนับหมื่นบาท เมื่อถูกปฏิเสธจึงได้ก่อเหตุขึ้น เป็นการทำงานเป็นทีม

พระเสริม เผยอีกว่า เบื้องหลังครอบครัวดังกล่าวที่มักมีคนพูดกันว่าเป็น "ครอบครัวหรรษา" ก่อนที่จะก่อเรื่องเมื่อประมาณเดือนมกราคม 63 มีพระเป็นเพื่อนกับเจ้าอาวาส ฝากฝังมาให้มาอยู่ที่วัดแห่งนี้ นอนรวมกันอยู่บนรถ 5 คน ฝ่ายภรรยาเป็นต่างด้าว เจ้าอาวาสพิจารณาแล้วเห็นความยากจน จึงช่วยเหลือให้ทำงานวัด และขณะที่อยู่ในวัดลูกสาว ซึ่งเป็นวัยรุ่นมักแต่งกายไม่สุภาพ

นายสุรเดช สุขประเสริฐ อายุ 53 ปี ลูกศิษย์วัด กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนก็อยู่ในเหตุการณ์ เห็นครอบครัวนี้ขึ้นไปคุยกับพระอาจารย์บนศาลา แล้วเดินลงมาด้านล่าง แล้วได้ยินมีเสียงทะเลาะและเกิดการต่อสู้มีผู้หญิงในคลิปรุมทำร้ายเจ้าอาวาส ตนเข้าไปช่วยยังได้รับบาดเจ็บที่บริเวณอกตนเสียใจที่ไม่มีใครช่วยท่าน ตนรู้สึกไม่สบายใจครอบครัวนี้มีพระอาจารย์ที่อื่นนำมาฝากให้อยู่ แต่ชอบทำตัวเด่น นอกจากนี้พระอาจารย์ยังให้ที่อยู่อาศัย แต่กลับมาทำอย่างนี้อีก ตนขอความเห็นใจพระอาจารย์ท่านเป็นคนที่เอื้อเฟื่อ แม้กระทั่งพระมาขออาศัยก็ให้อยู่

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปที่ วัดสระพรานจันทร์ ตำบลห้วยโป่ง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ได้พูดคุยกับเจ้าอาวาส คือ พระครูสังฆรักษ์ธนสรัญ พลธมโม เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเดือนเมษายน 63 ที่ผ่าน เป็นช่วงโควิด-19 ระบาด ครอบครัวนี้จำนวน 5 คนมากับรถกระบะนิสสัน มาเช่าบ้านอาศัยอยู่บริเวณหน้าวัด ซึ่งทั้งหมดมีการโกนหัว นุ่งขาวห่มขาว ส่วนเด็กผู้ชายเป็นสามเณร

โดยจากการสังเกตพฤติกรรม พบว่าทุกวันช่วงเวลา 03.00 น. จะขับรถกระบะไปที่ตลาดต่าง ๆ ในตัวเมืองลพบุรี เพื่อไปบิณฑบาต โดยให้สามเณรเดินถือบาตรนำหน้า ส่วนคนที่เหลือเดินตามหลัง เเล้วก็กลับมาที่บ้าน เวลา 07.00 น. พร้อมกับข้าวสารอาหารเเห้ง เเละของบิณฑบาตเต็มกระบะรถ

อาตมาเห็นว่าเป็นพฤติกรรมดังกล่าว ไม่เหมาะสม เพราะเณรควรอยู่วัด ไม่ควรมาอยู่บ้านเช่ากับโยม อีกทั้งอาตมาได้เห็นคลิปที่คนกลุ่มนี้ไปก่อเหตุที่วัดในจังหวัดสระบุรี ซึ่งตอนนั้นยังไม่เป็นข่าว ก็ทราบว่าคนกลุ่มนี้เป็นมิจฉาชีพ จึงได้ไปตักเตือนที่บ้านว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นไม่สมควร เเต่คนกลุ่มนี้ก็เเสดงท่าทีไม่พอใจ

โดยให้ผู้หญิง 2 คนมายืนล้อม เเละผู้หญิงอีก 1 คน ยืนถ่ายรูปอยู่หน้าบ้าน ส่วนผู้ชายเป็นคนถ่ายคลิป ระหว่างนั้นคนที่ถ่ายคลิปก็พยายามด่าทอ พร้อมกับพูดจาหยาบคายในลักษณะว่าพระทำตัวไม่ดี พยายามยั่วโมโห เเต่อาตมารู้ทัน จึงรีบออกมาจากจุดนั้น เเล้วประสานตำรวจเเละฝ่ายปกครอง ให้ผลักดันคนกลุ่มนี้ออกไปจากพื้นที่ รวมระยะเวลาอยู่ที่หน้าวัด 3 สัปดาห์

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ข้างบ้านที่ครอบครัวดังกล่าวเคยเช่าอาศัย คือ นางเเจ้ ตรีเเสงสี เปิดเผยว่า ตลอดเวลา 3 สัปดาห์ที่ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ ไม่เคยมาสุงสิงกับตนหรือเพื่อนบ้านเลย ที่ผ่านมาหลังจากบิณฑบาตเสร็จก็จะอยู่เเต่เพียงในบ้าน บางครั้งก็เคยนำเเกงถุงมาให้ตนด้วย เเต่ตนก็รู้สึกเเปลก ๆ ที่มีสามเณรอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วย ตอนเเรกตนก็ไม่ทราบมาก่อนว่าเคยมีเรื่องกับพระที่สระบุรี

กระทั่งวันที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองมาตรวจสอบ จึงทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น เเละจากที่ได้ดูคลิป ก็รู้สึกตกใจ เพราะที่ผ่านมาเห็นครอบครัวนี้พูดจาดี เเต่ในคลิปเต็มไปด้วยคำหยาบ ซึ่งหลังจากที่ครอบครัวนี้ถูกผลักดันออกจากพื้นที่ ตนก็สบายใจ รู้สึกโชคดีที่ไม่โดนหลอก ซึ่งวันที่ครอบครัวนี้ขนของย้ายออกจากบ้านเช่า ทั้ง 5 คน เลิกนุ่งขาวห่มขาว นอกจากนี้คนที่เป็นภรรยา ยังบอกกับตนว่าจะไปหาบ้านเช่า เเล้วจะไปทำอาชีพค้าขาย

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้เดินทางไปยังแฟลตแห่งหนึ่งย่านสุขาภิบาล 3 ซึ่งเป็นที่อยู่ตามบัตรประชาชนของครอบครัวโยมที่ทะเลาะกับพระ โดยเป็นแฟลตมีความสูง 5 ชั้น เมื่อเข้าไปสอบถามพร้อมกับนำรูปภาพของครอบครัวดังกล่าวให้กับกลุ่มแม่บ้านในแฟลตดังกล่าวดู พบว่าแต่ละคนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน โดยกลุ่มแม่บ้านมาอาศัยอยู่ที่แฟลตตั้งแต่ปี 2542 แล้ว และเมื่อเห็นคลิปวิดีโอขณะที่พระได้ทะเลาะกับโยม กลุ่มแม่บ้านก็ปฏิเสธออกความคิดเห็นว่าใครเป็นคนผิดและใครเป็นมิจฉาชีพ

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้ไปสอบถามข้อมูลกับนิติบุคคลของคอนโดฯ เมื่อสอบถามชื่อเจ้าของห้อง พบว่าเจ้าของห้องไม่ใช่ครอบครัวดังกล่าว อาจออกไปนานแล้ว ซึ่งไม่มีใครคุ้นหน้าคุ้นตา