จากกรณีกระแสวิจารณ์โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ได้มีการนำลัทธิอนุตตรธรรม เข้ามาเผยแพร่ให้เด็กในโรงเรียนโดยอ้างว่าให้นักเรียนเข้าร่วมค่ายคุณธรรม ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวมีการเปิดคลิปวิดิทัศน์ศพคนเสียชีวิตให้เด็กนักเรียน ม.5 ที่เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 คนดู ทำให้เด็กนักเรียนต่างตื่นตกใจ และส่งเรื่องถึงผู้ปกครอง เพื่อแจ้งให้ ผอ.โรงเรียนรับทราบ ก่อนจะมีการยกเลิกการจัดพิธีดังกล่าวขึ้นกลางคัน
ล่าสุดวันที่ 5 ธ.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้รับข้อมูลอีก 1 ชุด จากเด็กนักเรียนคนหนึ่งใน จ.อุบลราชธานี น้องบี (นามสมมติ) ให้ข้อมูลกับทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ว่าไม่ใช่เพียงแค่โรงเรียนที่เป็นข่าวดังอยู่เท่านั้น ที่ถูกลัทธิพวกนี้เข้าไปเผยแพร่คำสอนต่าง ๆ แต่มีอีกโรงเรียนหนึ่งในพื้นที่ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ก็เคยถูกลัทธิดังกล่าวหลอกชักชวนไปร่วมทำพิธีกรรมเช่นกัน
โดย น้องบี ขอให้เป็นข้อมูล บอกว่าตัวเธอไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนที่กำลังเป็นข่าว แต่เป็นอีกโรงเรียนใน จ.อุบลราชธานี โดยสถานธรรมที่ถูกหลอกไปนั้น เกิดจากวันที่ 18 มิ.ย. 65 ได้ไปทำกิจกรรมจิตอาสากับเพื่อนที่วัดป่าแห่งหนึ่ง ใน จ.อุบลราชธานี หลังจากนั้นเพื่อนของตนซึ่งคาดว่าเป็นสมาชิกของลัทธิดังกล่าวได้ชวนเธอไปวัดอีกแห่งแต่เมื่อไปถึงกลับไม่ใช่วัดพุทธ แต่กลายเป็นสถานธรรมตามในภาพมีพระจีนต่าง ๆ นานา ตั้งอยู่คู่กับพระพุทธรูป
จากนั้นก็มีเจ้าหน้าลัทธิแต่งตัวแปลก ๆ เข้ามาแจกสมุดและหนังสือบางอย่างให้ตามภาพ พร้อมกับให้พาสปอร์ตขึ้นสวรรค์ โดยบอกว่า หากตายไปเอาพาสปอร์ตนี้ไปยื่อกับยมฑูตจะปลอดภัยได้ขึ้นสวรรค์ และยังบอกให้พูดถึงคาถาเหมือนกันกับเด็กในโรงเรียนที่กำลังเป็นข่าวพูดคือคาถา “อู๋ ไท่ ฝอ หมี เล่อ” อีกด้วย
ส่วนการทำพิธีวันนั้น เธอถูกเจ้าหน้าที่ลัทธิบังคับให้ทำพิธีจนจบ เธอจะกลับก็ไม่ให้กลับไม่ให้รับโทรศัพท์จากแม่ เพื่อนที่มาด้วยยืนไหว้จะเป็นลมล้มก็ถูกเจ้าหน้าที่พวกนั้นมาประคองให้ยืนต่อไม่ให้นั่ง อ้างว่ายังไม่เสร็จพิธีกรรม ซึ่งตอนนั้นตนเองกว่าจะออกสถานธรรมได้ต้องรอจนจบ
หลังจากได้ข้อมูลสถานธรรมแห่งนี้ จาก น้องบี (นามสมมติ) ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า สถานธรรมแห่งนี้มีอยู่จริง และเปิดอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำอำเภอใน จ.อุบลราชธานี
จากการลงพื้นที่สำรวจสถานธรรมดังกล่าว ตลอด 3 วัน ที่ทีมข่าวลงพื้นที่เก็บข้อมูลพบว่า สถานธรรมแห่งนี้เปิดมาได้กว่า 1 ปีแล้ว โดยมีคุณครูท่านหนึ่งชื่อย่อว่า ครู พ. ซึ่งสอนอยู่โรงเรียนฝั่งตรงข้ามสถานธรรมเป็นเจ้าของ และเป็นคนทีน้องบีชี้ว่าเป็นผู้ที่พาทำพิธีในวันที่น้องถูกหลอกไปเข้าร่วม สถานธรรมแห่งนี้ มีลักษณะเป็นห้องแถว 4 ห้องเรียงติดกัน แต่จะเปิดประตูกระจกเพียง 1 ห้องเท่านั้น โดยมีผ้าม่านปิดไว้ตลอดเวลา ทำให้ไม่มีใครเห็นว่า ด้านในมีการทำกิจกรรมอะไรอยู่ภายในนั้น
ทีมข่าวได้สอบถามชาวบ้านในพื้นที่รายหนึ่ง ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่าบอกว่า ตนเองครั้งหนึ่งเธอเคยถูกคุณ ครู พ. ชักชวนให้เข้าไปร่วมรับฟังอะไรบางอย่างภายในสถานธรรมดังกล่าว ตอนนั้นด้วยความเกรงใจจึงลองเข้าไปฟังดู โดย ครู พ. อ้างว่า “ไม่ได้พามาเปลี่ยนศาสนานะ ก็นับถือพุทธศาสนาเหมือนเดิม” แต่เมื่อเข้าไปภายในสถานธรรมเธอกลับพบทั้งเด็กนักเรียนและคนแก่หลายคนร่วมพิธีกรรมอะไรบางอย่างภายในนั้น
ส่วนโต๊ะที่ทำพิธีกรรม ก็มีแต่พระจีนตั้งอยู่เต็มไปหมด มีการจุดธูปกลิ่นหอม จากนั้นก็มีผู้หญิงแต่งชุดคลุมยาวทั้งสีขาว สีเทา คล้ายกับในข่าว ออกมาพูดภาษาจีนอะไรบางอย่าง โดยมีคุณครู พ. นำพาทำพิธี นอกจากนี้ยังนักเรียนหญิงของคุณครู พ. แต่งชุดมหาวิทยาลัยอีกหลายคน คอยยืนอยู่รอบ ๆ ผู้ที่มาร่วมพิธี
ส่วนการทำพิธีกรรมนั้น จะเริ่มต้นตั้งแต่สอนให้ตนเองเคารพพระจีนตรงหน้า โดยให้นั่งคุกเข่าบนเบาะสีแดง และก้มกราบคำนับด้วยท่าแปลก ๆ ไม่เหมือนการกราบไหว้พระทั่วไป พร้อมกับเริ่มอธิบายคำสอนต่าง ๆ ในตนเองฟัง ทั้งเรื่องการเกิดแก่เจ็บตาย ตายแล้วจะไปอยู่ที่ไหน
จากนั้น คุณครู พ. ได้บอกให้ผู้ที่มาเข้าร่วมทั้งหมด ร่วมกันทำบุญโดยให้ทุกคนในห้อง ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ทำบุญจำนวน 50 บาท ทุกคนต้องเสียเงินหมด หลังจากนั้นก็ได้ให้สมุดสมาชิก หรือ พาสปอร์ตขึ้นสวรรคและหนังสือธรรมะ โดยแจกให้กับทุกคนพร้อมกับให้คาถา 5 คำ คือ “อู๋ ไท่ ฝอ หมี เล่อ” ท่องให้ขึ้นใจ และยังบอกอีกว่าใครที่เป็นสมาชิกตามชื่อที่เขียนไปแล้วในสมุด ยมฑูตจะไม่ให้ตกนรกจะได้ขึ้นสวรรค์
ตนเองนั้นเมื่อพอฟังไปเรื่อยแล้ว เริ่มรู้สึกไม่ใช่แล้ว และมองว่าไม่น่าจะใช่หลักคำสอนตามพระพุทธศาสนา พยายามจะออกจากสถานธรรม แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในสถานธรรมพูดรั้งไว้ให้อยู่จนจบพิธี ซึ่งเวลาผ่านไปกว่า 1 ชม. กว่าเธอจะออกมาได้ ซึ่งหลังเสร็จพิธี ครู พ. ยังบอกตนเองต่ออีกว่า หากจำคำสอนไหนไม่ได้ หรือท่องคาถาไม่ได้ก็เข้ามาหาเขาได้ตลอด ตอนนั้นตนเองได้แต่ยิ้มให้แต่คงไม่ได้เข้าไปอีกแล้ว และตนเองเข้าไปเพียง 1 ครั้งเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านในพื้นที่อีกบางส่วน ก็ยืนยันว่าสถานธรรมแห่งนี้ มีครูท่านหนึ่งสอนอยู่โรงเรียนฝั่งตรงข้ามของสถานธรรม เป็นเจ้าของสถานธรรม ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นมีทั้งเด็กนักเรียนของโรงเรียนดังกล่าว และนักเรียนน้องพื้นที่ต่าง ๆ เข้ามาในสถานธรรมอยู่บ่อยครั้ง แต่พวกตนเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าสอนศาสนาตามปกติ
แต่ก็แปลกใจอยู่นิดหน่อยที่ สถานธรรมดังกล่าว ไม่เคยเปิดประตูห้องแถวให้คนนอกเห็นเลยว่า ข้างในทำอะไรกัน เช่าห้องแถว 4 ห้อง แต่เปิดประตูแค่ 1 ประตู ส่วนประตูที่เปิดก็เอาผ้าม่านปิดไว้ ช่วงโควิดระบาดหนัก ๆ ก่อนหน้านี้ ก็เห็นว่ามีคนเข้าไปเยอะอยู่ และดูข้างในน่าจะแออัด แต่ก็ไม่กล้าไปพูดอะไรเยอะ เพราะตนเองก็ไม่เห็นว่าข้างในเขาทำอะไรกัน
ส่วน ครู พ. เท่าที่เห็น ก็เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยยุ่งกับชาวบ้านในพื้นที่เท่าไหร่นัก จึงไม่ค่อยรู้ข้อมูลว่า ครู พ. เอาเด็ก ๆนักเรียนเข้าไปทำอะไรกันในสถานธรรมดังกล่าว
ทีมข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อ ครู พ. ซึ่งเป็นเจ้าของสถานธรรมดังกล่าว เธอได้ชี้แจงผ่านทางโทรศัพท์ บอกว่า ตนเองเป็นครูมีอาชีพสอนหนังสือเด็กนักเรียนจริง และยังเป็นผู้ดูแลสถานธรรมแห่งนี้ด้วย โดยสถานธรรมแห่งนี้มีไว้เพื่อสอนคุณธรรม จริยธรรมกับเด็ก ๆ เท่านั้น
ส่วนภาพที่เด็ก ๆ แชร์ต่อในทวิตเตอร์อ้างว่าสถานธรรมแห่งนี้มีคำสอนแปลก ๆ ทั้งยังให้พาสปอร์ตพาขึ้นสวรรค์ เขียนชื่อ เผาเพื่อลบออกจากบัญชียมฑูต ก็ยอมรับว่ามีการสอนแบบดังกล่าวจริง แต่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง จาก 100 เปอร์เซ็นส์ของวิถีอนุตตรธรรม ซึ่งความเชื่อดังกล่าว ตนเองไม่อยากให้บัญญัติว่าอนุตตรธรรมคือลัทธิ เพราะลัทธิจะดูเล็กไป
ซึ่งวิถีอนุตตรธรรมไม่ใช่แค่คนกลุ่มเล็ก ๆ ที่เชื่อเคารพศรัทธา แต่วิถีอนุตตรธรรมมีอยู่ทั่วโลก มีสถานธรรมอยู่ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นประเทศไตหวัน หรือประเทศอื่น ๆ แต่ประเทศไทยอาจจะไม่รู้จัก ส่วนข้อมูลทั้งหมดตอนนี้ยังไม่สะดวกให้ข้อมูล เพราะตนเองเดินทางมาทำกิจกรรมอยู่ที่นครราชสีมา และจะขอให้ข้อมูลหากเสร็จธุระแล้ว
นอกจากนี้เมื่อทีมข่าวเข้าไปดูในเฟซบุ๊กของคุณครูท่านนี้ ได้แชร์ข้อมูลความเชื่อของกลุ่มอนุตตรธรรม พร้อมแคปชั่นสาธุ ๆ และ แชร์โพสต์เชิญชวนร่วมกันบริจาคเงินทำหนังสือธรรมะไตรรัตน์วิถีแห่งจิตอีกด้วย
ด้าน “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” หรือ แพรรี่ ได้ออกมาพูดถึงกระแสของเรื่องดังกล่าว โดยบอกว่า “จริง ๆ ลักธิอนุตตรธรรมไม่ใช่ของใหม่ มันเรื่องแบบนี้มานานแล้ว แต่ก็จะมีประเด็นขึ้นมาอีก เพราะจะมีภาพแปลก ๆ เกี่ยวกับลักธิ ที่ชอบเอานักบวช หรือกลุ่มเยาวชนเข้าไปรับลัทธิ และมีการถ่ายภาพมา ซึ่งสมัยตนเองเป็นพระ ก็เคยมีคนส่งฟ้องอยู่เหมือนกัน เพราะเหมือนมีพระองค์หนึ่ง นำสามเณรไปรับลัทธินี้ และก็ไปคุย ต่อหน้าอะไรสักอย่างที่เรียกว่า อนุตตรธรรม และนำมาเผยแพร่ ทางโซเชียล เพื่อชวนเชื่อ ให้คนเชื่อถือ
ตนเองอยากบอกว่า การที่จะเข้าลักธิหรือนับถือศาสนาใดไม่ผิด แต่ก็ต้องทำโดยความสมัครใจ ไม่ใช่ทำโดยการหลอกล่อ หรือการแอบแฝง อย่างเช่นเรื่องอนุตตรธรรม ถ้าจะมีคนเข้าไปศรัทธา โดยความเชื่อของเขา ไม่ใช่ว่า เป็นการอ้างว่าให้เด็กไปเข้าค่ายคุณธรรม แต่ไม่บอกเด็กก่อน ว่าจะเข้าลัทธิหรือที่มีการสอนอะไร ที่ไม่ได้เกี่ยวกับเข้าค่ายธรรมะ หรือค่ายคุณธรรม อันนี้คือเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ในมุมมอง คือเรื่องนี้อาจมองได้ว่า คุณครูอาจเป็นสาวกลัทธินี้ ซึ่งค่อนข้างน่าเป็นห่วง ถ้ามีการบอกเด็กก่อน ว่าจะมีการทำพาไปเข้าค่ายอะไร มีกิจกรรมใด หากใครอยากเรียนรู้ หรือสนใจ ให้มาร่วม ไม่ใช่ว่า พาเด็กไป และก็เอาไปแอบแฝงมันไม่ถูก
ในพฤติกรรมที่เป็นการเอาศพมาให้จับด้วยนั้น มันเป็นการยำเละเทะไปหมดแล้ว สำหรับลัทธิอนุตตรธรรม และมีการแอบอ้างที่มาที่ไป ไม่ชอบมาพากล ในความรู้สึกและความเชื่อของตนเอง มันเป็นการเอาคำสอนของหลายๆศาสนามาปนกัน และบอกว่า คำสอนของตนเองคือดีที่สุด อยู่เหนือสุด เป็นพระพุทธเจ้า บรรลุธรรมได้ มาจากพระมารดา ชื่อว่า อนุตตรธรรม มันคือกล่าวอ้าง จะสอนอะไรก็สอนไป ไม่ใช่เป็นการเคลม เอาคำสอนหรือหลักศาสนาอื่น มาทำให้ดูว่าแอบอ้าง แอบแฝง ทำให้ดูน่ารังเกียจ ทุเรศ
หากถามว่า ลัทธินี้มีผลกระทบกับศาสนาไหม ต้องบอกว่าถ้ามันเป็นการแอบอ้างแอบแฝง ที่ยังไม่มีความเข้าใจว่า อนุตตรธรรมคืออะไร และไปได้รับข้อมูลแบบผิดๆ ว่าเป็นคำสอนหนึ่งของพุทธ เป็นพุทธแบบมหายานกับเถรวาทผสมกัน มันเลยเป็นอนุตตรธรรม ก็ทำให้คนที่ไปเข้ารีดหรือเข้าลัทธิ จะเข้าใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธศาสนา ซึ่งกังวลอันนี้มากกว่า ซึ่งในพระพุทธศาสนาไม่มี การพูดถึงลัทธินี้หรืออะไร มันแปลกๆแบบนี้ ไม่มีในพระพุทธศาสนา
ถามว่า ตนเองอยากฝากอะไรไหม “ไพรวัลย์” กล่าวว่า ในเรื่องความเชื่ออยากเชื่ออะไรก็เชื่อ แต่ควรเชื่อแบบสมัครใจและควรเป็นความเชื่อของคนอยู่ในแบบคนที่บรรลุวุฒิภาวะ ไม่ควรมีการหลอกล่อหรือเอาเด็ก เยาวชนใดไปเข้ารีดหรือไปประกอบพิธีกรรม โดยที่คนเหล่านั้นหรือเยาวชน ไม่มีความสมัครใจ โดยเฉพาะคนที่เป็นครู ไม่ควรทำ ถ้าทำโดยที่มีอะไรแอบแฝง ควรถูกตำหนิ มองว่าทำไม่ถูก
Advertisement