ผู้หมู่เปิดใจลุยด่าผกก.ถูกบีบรับผิดยิงขู่ชาวบ้าน แต่พยานแฉถึงกับอึ้ง แถมศาลสั่งฟันผิด (คลิป)

จากกรณีเพจ "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ 5.2" เผยแพร่ภาพจากกล้องติดหมวกของตำรวจนายหนึ่ง สังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองไหม และมีคนแชร์เรื่องนี้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากในคลิปดังกล่าว ตำรวจขอนแก่นไม่พอใจที่ถูกแจ้งความผิดทางวินัย ระเบิดอารมณ์ใส่ผู้กำกับฯ และตำรวจภายในบริเวณโรงพัก หลังนายตำรวจเจ้าของคลิปเข้าไปพูดคุยเกี่ยวกับคดีความผิดทางวินัยกับผู้บังคับบัญชา กระทั่งคุมตัวเองไม่อยู่ สบถคำหยาบด้วยความโมโหลั่น "ตำรวจฆ่าตำรวจ"

จากคลิปภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจนายหนึ่งที่มีการระบุชื่อเล่นว่า "โบ๊ท" เดินเข้าไปพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดลำลอง ทราบต่อมาคือ พ.ต.อ.รัชพล บุนนาค ผกก.สภ.เมืองไหม จ.ขอนแก่น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกประมาณ 4-5 นายอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เป็นเหตุการณ์ที่ตำรวจเจ้าของคลิป ได้เข้าไปพบและพูดคุยกับ ผกก. โดยที่ ผกก. แจ้งให้ทราบว่าตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นให้แจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความผิดทางวินัย ทำให้ตำรวจเจ้าของคลิปฟิวส์ขาด ตะโกนต่อว่า ผกก. และตำรวจในบริเวณนั้นด้วยถ้อยคำหยาบคาย เหตุเกิดช่วงเย็นของวันที่ 27 ต.ค. 65

สำหรับการสนทนาภายในคลิปวิดีโอ พบว่าทันทีที่ตำรวจเจ้าของคลิปเดินไปพบกับ ผกก. บริเวณด้านหลังอาคาร สภ.เมืองไหม ผกก.ได้แจ้งให้ตำรวจเจ้าของคลิปทราบว่า ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ให้แจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับวินัยร้ายแรง หากตำรวจเจ้าของคลิปไม่รับจะถูกแจ้งข้อหาอื่นด้วย ผกก.ก็ไม่อยากให้มีปัญหาบานปลาย หากจะสู้ทางวินัยก็ว่ากันไป เพราะฉะนั้น ผกก.ก็จะต้องดำเนินการ ทางจังหวัดกดดันมาว่าทำไมถึงไม่เรียกมาดำเนินการให้เรียบร้อย ด้านตำรวจเจ้าของคลิปสอบถาม ผกก.กลับไปว่าเรียบร้อยคืออย่างไร ก่อนจะได้คำตอบจาก ผกก.ว่า เรียบร้อยก็คือการแจ้งข้อกล่าวหา ตำรวจเจ้าของคลิประบุว่าตนเองได้มีการทำหนังสือชี้แจงถึงคณะกรรมการวินัยฯ ตลอด นอกจากนี้นายตำรวจคนดังกล่าวก็ได้พูดถึงคดีที่บ้านพ่อแม่ถูกไฟไหม้ และเรียกร้องความเป็นธรรม และพูดทำนองว่าตำรวจด้วยกันทำร้ายกัน

ล่าสุดวันที่ 28 ต.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยัง สภ.เมืองไหม จ.ขอนแก่น เนื่องจากตามรายงานเมื่อช่วงเช้า พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ได้ออกหนังสือชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น หนังสือชี้แจงว่าตามที่ปรากฎคลิปโพสต์ในสื่อโซเชียล เหตุเกิดที่ สภ.เมืองไหม ซึ่งได้มีข้าราชการตำรวจแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม จากการตรวจสอบทราบว่าเป็นกรณีพ.ต.อ.รัชพล บุญนาค ผกก.สภ.เมืองไหม ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว มาพบกับคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนวิธีการสืบสวนข้อเท็จจริงตามระเบียบ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว ได้แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมตามที่ปรากฎนั้น

โดยกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว ถูกแจ้งความร้องทุกข์จากชาวบ้านเมื่อวันที่ 15 ม.ค.64 ว่า "มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยมิใช่เหตุอันควรในหมู่บ้านหรือที่ ชุมชน, ทำให้ผู้อื่นเกิดความหวาดกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ และหมิ่นประมาท" สภ.เมืองไหม จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามระเบียบ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.64 แล้ว และต่อมาเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.65 ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาว่าผิดฐาน "ยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร, ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญ และหมิ่นประมาท" รวมโทษจำคุก 3 เดือนและปรับ30,000 บาท โดยโทษจำให้รอการลงโทษจำคุก 3 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวได้ทำการยื่นอุทธรณ์ และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์

ต่อมา สภ.เมืองไหม จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวมาพบคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาตามวิธีการสืบสวนข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวได้แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมตามที่ปรากฎในคลิปวีดิโอโดยตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นจะได้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น บอกว่าเบื้องต้นทราบว่าสาเหตุเกิดจากที่ชาวบ้านที่อยู่ติดกับที่นาของครอบครัวตำรวจนายนี้ ได้ถูกชาวบ้านเผาตอซังข้าวแล้วไฟลุกลามทรัพย์สินในบ้านเสียหาย แต่ตกลงกันไม่ได้ แล้วตำรวจนายดังกล่าวได้ยิงปืนข่มขู่คู่กรณี 2 นัด ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะมีการแจ้งความกัน

ที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนได้เรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ไม่เป็นผล พนักงานสอบสวนจึงส่งสำนวนฟ้องต่อศาลจังหวัดขอนแก่น ขณะเดียวกันทางสถานีตำรวจภูธรเมืองไหม ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อรายงานมายังตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น เกี่ยวกับความผิดทางวินัยควบคู่กันไปด้วย โดยวันนี้จะได้ให้ผู้บังคับบัญชาจากตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ลงพื้นที่ไปพูดคุยสอบถามและให้ย้ายตำรวจนายนี้ไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อลดความเครียด ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เมื่อเวลา 14.00 น. บรรยากาศที่ สภ.เมืองไหม มีตำรวจมายืนรอเข้าแถว รอรับ พ.ต.อ.คะเชน ยืนยง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นเพื่อเตรียมความพร้อมเรื่องของการฝึก ยุทธวิธีป้องกันเหตุกาดยิง และมาสอบสวนเรื่องของ ตำรวจในคลิป ก็คือ ส.ต.อ.อัษฏางค์ แก้วบุญเรือง หรือ หมู่โบ๊ท อายุ 32 ปี ผบ.หมู่ป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองไหม

วันนี้ในแถวยังมี ส.ต.อ.อัษฏางค์ แก้วบุญเรือง ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ หลังแยกแถวก่อนที่ ส.ต.อ. อัษฏางค์ แก้วบุญเรือง จะเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.นพดล พลพัฒนา รองผู้กำกับปราบปราม สภ.เมืองไหม ร่วมกับแม่ ทีมข่าวได้มีโอกาสสอบถามเบื้องต้น ส.ต.อ. อัษฏางค์ แก้วบุญเรือง บอกว่า ตอนนี้เรื่องในคลิปและเรื่องที่มีปัญหากับชาวบ้าน อยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งเหตุการณ์ที่มีปัญหากับชาวบ้าน เกิดขึ้นเมื่อ ม.ค. 64 และที่ดินดังกล่าวก็เป็นของแม่ตนเอง สำหรับเรื่องดังกล่าวตนเองมีหลักฐานหมดว่าที่ดินของแม่ตนเองถูกชาวบ้านเผาตอซังข้าวลามมาในที่นาของแม่ ยืนยันตนเองไม่เคยไปยิงปืนขู่ชาวบ้าน และถูกชาวบ้านกล่าวหาว่ามีอาวุธปืนเถื่อน

จากนั้นพอเรื่องถูกร้องมาที่โรงพัก ตำรวจที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนในตอนนั้น ก็ไม่รู้ไปหาหลักฐานที่ไหนมาเป็นของกลาง และฟังจากชาวบ้านฝ่ายเดียว วันนี้ก็อยากจะถามสื่อกลับไปว่า "พี่ลองคิดดู ตำรวจชั้นผู้น้อยอย่างผม มีเรื่องกับชาวบ้าน นายจะเข้าข้างใคร ส่วนเรื่องในคลิป ไปย้อนดูได้เลยว่าผู้กำกับบังคับให้ผมรับข้อกล่าวหาหากไม่รับจะแจ้งข้อหาเพิ่ม และที่สำคัญผู้กำกับคนในคลิปก็ยังไม่ได้มาเป็นผู้กำกับ ในขณะที่เกิดเรื่องยอมรับเหตุการณ์ในคลิปตนเองมีปืนพกอยู่จริง แต่มันเป็นปืนประจำกายที่เบิกมาพกไว้ในขณะที่กำลังเข้าเวรอยู่ และคลิปที่เผยแพร่ออกไป ก็มาจากกล้องติดตัวตนเอง"

ตนยืนยันเหตุการณ์ในคลิปพยายามเดินหนีแล้ว ส่วนเรื่องที่มีปัญหากับชาวบ้าน แม่เป็นพยานให้ได้ หากผู้บังคับบัญชาข้องใจเรื่องปืนก็ยินดีให้ไปค้นบ้านได้ตลอดเวลา และเรื่องดังกล่าวตนเองยืนยันว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งระบบ ที่สำคัญตนเองกับครอบครัวเป็นคนนอกพื้นที่ ตอนนี้อยู่โรงพักพูดอะไรมากไม่ได้ หากสอบปากคำเสร็จจะให้รายละเอียดกับทางอมรินทร์อีกครั้ง

น.ส.เบญจพร แสนส่อง อายุ 25 ปี ลูกสาวของผู้เสียหาย บอกว่า ที่ต้องแชร์ข่าวในเฟซบุ๊กก็เป็นเพราะว่าอยากจะให้สังคมฟังความทั้งสองฝ่าย เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 64 ซึ่งวันนั้นยอมรับว่าพ่อออกไปดูที่นาและเผาหญ้าจริง แต่เผาในที่ตัวเอง พอเผาไปได้สักพัก ไฟดันลามไปในที่ดินบ้านของหมู่โบ๊ท ไฟก็ไปไหม้ท่อประปา PVC ของบ้านหมู่โบ๊ทเสียหาย

จากนั้นพ่อก็ไปทะเลาะกับหมู่โบ๊ท ก็มีการเปลี่ยนท่อดังกล่าวให้ใหม่ แต่เรื่องมันไม่จบ เนื่องจากวันดังกล่าว หมู่โบ๊ทไปแจ้งความเอาผิดพ่อในข้อหาบุกรุก กระทั่งพ่อกับชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ตามไปที่โรงพัก หวังจะไกล่เกลี่ยกันให้เรื่องมันจบ แต่หมู่โบ๊ทก็ยืนยันจะแจ้งความ จนกระทั่งตนเองพาพ่อกลับมาที่บ้าน แล้วก็ถามพ่อว่าเกิดเรื่องอะไร ทำไมพี่ตำรวจถึงไม่ยอมไกล่เกลี่ย จนพ่อหลุดปากออกมาว่าก่อนที่จะเปลี่ยนท่อน้ำให้ถูกหมู่โบ๊ทด่าว่าเสียหายและยิงปืนใส่

ด้วยความตกใจก็เลยปรึกษากับครอบครัว และเดินทางไปแจ้งความกับตำรวจในวันที่ 18 ม.ค. 64 ยืนยันที่ผ่านมา ทางครอบครัวถึงจะเข้าไปทำนาในที่ดังกล่าวมา 2 ปี แต่ไม่เคยรู้จักครอบครัวของหมู่โบ๊ทมาก่อน และไม่เคยรู้ว่าที่ดินที่อยู่ติดกับพ่อ มีลูกชายเป็นตำรวจ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน มีแต่ตนเองที่เคยไปอุดหนุนร้านกาแฟของน้องสาวหมู่โบ๊ทเท่านั้น

ซึ่งในคลิปที่หมู่โบ๊ทโวยวายว่าถูกเผาบ้านก็ไม่ใช่เรื่องจริง ที่จริงแล้วไฟมันไหม้แค่ท่อประปา ที่ผ่านมายอมรับว่าครอบครัวก็อยู่ลำบาก เพราะไปมีปัญหากับตำรวจ ตอนนี้ที่บ้านก็พากันจิตตก ไม่เป็นอันกินอันนอน เพราะเห็นคลิปแล้วกลัวว่าหมู่โบ๊ทจะคลั่งเหมือนเหตุการณ์ที่ จ.หนองบัวลำภู หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ครอบครัวได้เจอหน้าหมู่โบ๊ทครั้งเดียวที่ศาล แต่ไม่ได้คุยอะไรกัน "สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นก็อยากจะให้หมู่โบ๊ทออกมาพูดความจริงว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องยิงขู่พ่อ เห็นใจประชาชนตาดำ ๆ เถอะ พูดความจริงแมน ๆ ออกมาแบบลูกผู้ชาย เพราะทางครอบครัวไม่อยากมีปัญหาอะไรกับตำรวจ"

นายบวร แสนส่อง อายุ 60 ปี ชาวบ้านที่ถูกหมู่โบ๊ทยิงขู่ เล่าว่า วันเกิดเหตุตนเองไปจุดไฟเผาซังข้าวพร้อมกับคนในหมู่บ้านประมาณ 15.00 น. เมื่อจุดเสร็จ ต่างคนก็ต่างทำนาในที่ของตัวเอง จากนั้นก็เห็นว่าไฟมันเริ่มลามไปที่ของบ้านหมู่โบ๊ทก็เลยวิ่งไปดู ไฟไหม้ท่อประปาไปแล้ว จึงรีบวิ่งไปบอกกับน้องสาวของหมู่โบ๊ทที่ร้านกาแฟ บอกว่า "หนู ๆ ปิดวาล์ว​น้ำ ห้ลุงหน่อยได้ไหม ลุงเผาหญ้าไปติดท่อประปาที่บ้านของหนู"

หลังจากนั้นพอน้องสาวของหมู่โบ๊ทปิดวาล์ว​น้ำ ตนเองก็วิ่งไปหาสายยางไปพันท่อน้ำเอาไว้ แต่ในจังหวะที่กำลังนั่งพันท่อน้ำอยู่ หมู่โบ๊ทก็มายืนชี้หน้าบอกว่า "พวกมึงบุกรุกบ้านกู มึงรู้ไหมกูเป็นตำรวจ มึงเปลี่ยนท่อน้ำให้กูเดี๋ยวนี้" กระทั่งตนเองมองไปก็เห็นว่าหมู่โบ๊ทมีปืนพกมาด้วย แต่ไม่ทันได้พูดอะไร หมู่โบ๊ทควักปืนออกมาแล้วก็ขึ้นลำปืนตรงหน้า แล้วก็ยิงออกมา 1 นัด แต่ไม่ได้จ่อปืนใส่ตนเอง ด้วยความตกใจ ตนเองก็เลยลุกขึ้นยืน กระทั่งมีชาวบ้านใส่เสื้อสีส้มพยายามวิ่งเข้ามาห้าม แต่ก็ถูกหมู่โบ๊ทชี้หน้าด่าอีกบอกว่า "ไอ้เสื้อส้ม มึงมีปัญหาอะไรกับกูไหม" แต่ก็ได้แค่ยืนด่ากัน

จากนั้นตนเองก็รีบวิ่งไปซื้อท่อน้ำมาเปลี่ยน แต่หมู่โบ๊ทก็ยังยืนด่าด้วยคำหยาบ ขึ้นมึงกูอยู่ตลอดเวลา ยืนยันว่าตนเองและชาวบ้านไม่เคยไปกล่าวหาว่าตำรวจคนดังกล่าวมีปืนเถื่อน และที่ผ่านมาก็ไม่เคยรู้จักกับตำรวจคนนี้มาก่อน เป็นไปได้ก็อยากจะให้เรื่องนี้มันจบ ต่างคนต่างทำมาหากิน ปล่อยเรื่องคดีเป็นไปตามกฎหมาย