Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
จาก “กุ้งกุลาดำ”สู่“กุ้งขาวแวนนาไม” เส้นทางปรับตัวของอุตสาหกรรมกุ้งไทย

จาก “กุ้งกุลาดำ”สู่“กุ้งขาวแวนนาไม” เส้นทางปรับตัวของอุตสาหกรรมกุ้งไทย

4 ก.ค. 68
13:12 น.
แชร์

ในอดีต “กุ้งกุลาดำ” เคยเป็นกุ้งเศรษฐกิจหลักของจังหวัดฉะเชิงเทรา ด้วยขนาดที่ใหญ่และเป็นที่ต้องการของตลาด แต่ความท้าทายจากโรคระบาดและความซับซ้อนในการจัดการ ทำให้เกษตรกรต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว

 

ปัจจุบัน “กุ้งขาวแวนนาไม” ได้ก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นแทนที่ด้วยอัตราการเติบโตที่เร็วกว่า ทนทานต่อโรคได้ดีกว่า และมีรอบการเลี้ยงที่สั้นลง ส่งผลให้เกษตรกรสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนได้เร็วขึ้น

 

ขณะเดียวกันในจังหวัดฉะเชิงเทรามีเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งกว่า 1,000 ราย ในพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ และจากข้อมูลกรมประมงในปี 2565 ประเทศไทยส่งออกกุ้งแวนนาไมได้มากกว่า 74,000 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 27,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความสำคัญของกุ้งชนิดนี้ต่อเศรษฐกิจไทย

 

เกษตรกรยุคใหม่เลี้ยงกุ้งปลอดสารเคมีด้วยเทคโนโลยี

 

ความสำเร็จของการเลี้ยงกุ้งในปัจจุบันมาจากการผสมผสาน ภูมิปัญญาชาวบ้าน เข้ากับ เทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยไม่พึ่งพาสารเคมี อาทิ การปูบ่อด้วยแผ่น PE เพื่อป้องกันน้ำซึม การใช้เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ (Auto-feed) เพื่อควบคุมปริมาณและเวลาการให้อาหาร ระบบเติมอากาศด้วย Air-blower เพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำ และการควบคุมดูแลผ่านระบบออนไลน์

 

การจัดการน้ำ การวัดค่า pH และการตรวจสุขภาพกุ้งอย่างสม่ำเสมอ ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วย ลดระยะเวลาการเลี้ยงจาก 90-100 วัน เหลือเพียง 70-75 วัน และ เพิ่มผลผลิตจาก 500-700 กก./ไร่ เป็น 2,000-2,500 กก./ไร่ ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตอย่างก้าวกระโดด

 

"ฟาร์มสองน้ำ" ต้นแบบฟาร์มกุ้งต้นทุนต่ำเพื่อความยั่งยืน

 

ในจังหวัดฉะเชิงเทรา มี "โครงการฟาร์มทดสอบสาธิตมีนเกษตรสองน้ำ" ของ “มูลนิธิชัยพัฒนา” และได้กลายเป็นต้นแบบของฟาร์มกุ้งที่เน้นความยั่งยืน โดยเฉพาะสำหรับเกษตรกรรายย่อยที่มีข้อจำกัดด้านเงินทุน ภายใต้แนวคิด "บ่อเลี้ยงกุ้งต้นทุนต่ำ ทำกำไรได้"

 

ฟาร์มแห่งนี้ใช้ระบบธรรมชาติในการบำบัดน้ำ ลดการใช้สารเคมี และเน้นการควบคุมคุณภาพน้ำด้วยวิธีธรรมชาติผสานกับเทคโนโลยี

 

ฟาร์มสองน้ำแบ่งออกเป็น 4 บ่อ แต่ละบ่อมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน

 

บ่อ 1 และ 2 : ใช้สำหรับสาธิตและสร้างรายได้

บ่อ 3 : เน้นการเลี้ยงกุ้งโดยใช้ต้นทุนต่ำแต่ได้ผลผลิตดี ด้วยวิธีบ่มบ่อประมาณ 1 เดือนก่อนเริ่มเลี้ยง

บ่อ 4 : เป็นบ่อวิจัยที่มีการติดตั้งเซนเซอร์และอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพน้ำขั้นสูง เพื่อศึกษาและพัฒนาเทคนิคการเลี้ยงกุ้งที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ

 

การเรียนรู้ร่วมกันเพื่ออนาคตที่มั่นคง

 

ฟาร์มสองน้ำยังทำหน้าที่เป็นศูนย์เรียนรู้ที่เปิดกว้างให้เกษตรกร นักวิจัย และภาคเอกชนเข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางแก้ไขปัญหาในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยมีเป้าหมายหลักคือความสมดุล หรือการควบคุมปัจจัยต่างๆ อย่างเหมาะสม ไม่เน้นเพียงแค่ผลผลิตสูงสุด แต่ให้ความสำคัญกับระบบนิเวศ ความสามารถในการจัดการของเสีย และความมั่นคงของเกษตรกร

 

อย่างไรก็ตามฟาร์มสองน้ำคือภาพสะท้อนของความมุ่งมั่นในการพัฒนาอาชีพการเลี้ยงกุ้งให้ก้าวไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงการเพิ่มผลผลิตหรือกำไร หากแต่เป็นการสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่มั่นคงสำหรับเกษตรกรรายย่อยผ่านองค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ 

Advertisement

แชร์
จาก “กุ้งกุลาดำ”สู่“กุ้งขาวแวนนาไม” เส้นทางปรับตัวของอุตสาหกรรมกุ้งไทย