Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ประวัติศาสตร์ใหม่ จำนวนเด็ก "น้ำหนักเกิน" มีมากกว่า "ขาดสารอาหาร" แล้ว

ประวัติศาสตร์ใหม่ จำนวนเด็ก "น้ำหนักเกิน" มีมากกว่า "ขาดสารอาหาร" แล้ว

12 ก.ย. 68
15:12 น.
แชร์

เมื่อก่อนโลกต่อสู้กับ "ความหิวโหย" แต่ตอนนี้ต้องต่อสู้กับ "ความอุดมเกินพอดี"

ลองนึกภาพโลกที่ “เด็กอ้วน” มีจำนวนมากกว่า “เด็กผอมขาดสารอาหาร” ฟังดูแทบไม่น่าเชื่อใช่ไหม? แต่ตอนนี้มันคือความจริงแล้ว เพราะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เด็กและวัยรุ่นทั่วโลกเผชิญกับโรคอ้วนมากกว่าภาวะน้ำหนักต่ำเกณฑ์ ตามรายงานฉบับสำคัญของ UNICEF รายงานใหม่นี้ระบุชัดว่า เกือบ 10% ของคนอายุ 5-19 ปี หรือประมาณ 188 ล้านคน มีภาวะอ้วน เทียบกับ 9.2% ที่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์

ทำไมถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้?

คำตอบอยู่ที่ขนมอัลตราโปรเซส อาหารขยะที่ผ่านการแปรรูปหนักๆ การโฆษณาเชิงรุก และพฤติกรรมการกินที่ถูกผลักดันโดยหน้าจอมือถือ แอปฯ เดลิเวอรี และราคาถูกเกินต้านทาน มันคือสัญญาณเตือนระดับโลก การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นการกลับขั้วครั้งใหญ่จากปี 2000 ที่ปัญหาสำคัญยังเป็นเรื่องเด็กขาดสารอาหาร และมันไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะส่งผลต่อร่างกาย สมอง อารมณ์ และอนาคตของเด็กๆ โดยตรง

โรคอ้วนแซงภาวะน้ำหนักต่ำ การเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ในระดับโลก

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา คำว่า “ทุพโภชนาการ” มักหมายถึงความหิวและเด็กที่ขาดสารอาหาร แต่วันนี้ไม่ใช่อีกต่อไป รายงาน Feeding Profit: How Food Environments are Failing Children ของ UNICEF เปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยพบว่า 9.4% ของเด็กอายุ 5-19 ปี มีภาวะอ้วน แซงหน้าสัดส่วน 9.2% ที่น้ำหนักต่ำเกณฑ์ (ตัวเลขที่ลดลงจากเกือบ 13%)

นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์สาธารณสุขโลก (ยกเว้นในแอฟริกาตอนใต้สะฮาราและเอเชียใต้) เด็กและวัยรุ่นกว่า 188 ล้านคนกำลังมีน้ำหนักเกิน ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นสามเท่าจากปี 2000 ที่โรคอ้วนยังอยู่เพียง 3% หรือพูดง่ายๆ ตอนนี้ เด็กทุกๆ 10 คน มี 1 คนที่อ้วน

อะไรเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์นี้

ข้อมูลจาก UNICEF ที่เก็บจากกว่า 190 ประเทศ แสดงให้เห็นว่า โรคอ้วนได้แซงภาวะน้ำหนักต่ำในทุกภูมิภาค ยกเว้นเพียงแอฟริกาตอนใต้สะฮาราและเอเชียใต้ โดยอัตราโรคอ้วนสูงที่สุดอยู่ในประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก เช่น

• นีอูเอ (Niue) 38%

• หมู่เกาะคุก (Cook Islands) 37%

• นาอูรู (Nauru) 33%

ในประเทศที่ร่ำรวย ปัญหาโรคอ้วนก็ยังสูงเช่นกัน เช่น ชิลี 27% สหรัฐอเมริกาและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ต่างอยู่ที่ 21%

ตัวการหลักที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

• อาหารอัลตราโปรเซส (Ultra-processed foods – UPFs) : การเพิ่มขึ้นของขนมราคาถูกที่เต็มไปด้วยน้ำตาล ไขมัน และเกลือ กำลังเบียดอาหารที่มีคุณค่าออกจากชีวิตประจำวันของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ โรงเรียน หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ อาหารเหล่านี้ครองพื้นที่เกือบหมด

• การตลาดและการเข้าถึง : การโฆษณาเชิงรุก โดยเฉพาะผ่านโซเชียลมีเดีย เข้าถึงเด็กโดยตรง โพลของ UNICEF พบว่า 75% ของเยาวชนเห็นโฆษณาอาหารขยะในสัปดาห์ที่ผ่านมา และ 60% ยอมรับว่ามันทำให้พวกเขาอยากกินมากขึ้น

• การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและวิถีชีวิต : แม้แต่ในประเทศรายได้ต่ำและปานกลาง การขยายตัวของห้างร้านสมัยใหม่และบริการส่งอาหาร ทำให้อาหารอัลตราโปรเซสเข้าถึงง่ายและราคาถูกกว่าผลไม้สดหรืออาหารที่มีโปรตีน

ความหมายต่อเด็กๆ คืออะไร

โรคอ้วนในเด็กไม่ได้เป็นแค่เรื่อง “น้ำหนักเกิน” เท่านั้น แต่มันเป็นการวางรากฐานของปัญหาสุขภาพร้ายแรงในอนาคต ความเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ได้แก่ เบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไปจนถึงมะเร็งบางชนิดเมื่อเด็กเติบโตขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมอง สุขภาพจิต และคุณภาพชีวิตโดยรวม

ในอีกด้านหนึ่ง ปัญหาขาดสารอาหารก็ยังไม่หมดไป เด็กจำนวนมากยังคงเผชิญกับภาวะแคระแกร็นหรือขาดสารอาหารบางชนิด และที่น่ากังวลคือ ในหลายภูมิภาคเกิด “ภาระคู่” (double burden) คือมีทั้งเด็กอ้วนและเด็กขาดสารอาหารอยู่ในสังคมเดียวกัน หรือแม้แต่เกิดขึ้นในเด็กคนเดียวกันในต่างช่วงเวลา

ในมุมเศรษฐกิจ ต้นทุนสูงมาก UNICEF เตือนว่า หากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไป ภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขและผลกระทบตลอดชีวิตจากโรคอ้วน อาจสร้างความเสียหายระดับ “หลายล้านล้านดอลลาร์” ภายในปี 2035

ทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญ

เพราะแนวโน้มนี้มีผลกระทบอย่างมหาศาล ทั้งต่อสุขภาพ การศึกษา และเศรษฐกิจโลก

• อันตรายต่อสุขภาพระยะยาว : โรคอ้วนในวัยเด็กเพิ่มความเสี่ยงต่อเบาหวานชนิดที่ 2 ความดันสูง โรคหัวใจ และมะเร็งบางชนิดในอนาคต

• ผลกระทบต่อสมองและอารมณ์ : โภชนาการเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาสมองและสุขภาพจิต อาหารที่เต็มไปด้วยการแปรรูปสามารถทำลายสมาธิ การเรียนรู้ และเสถียรภาพทางอารมณ์

• ภาระทางเศรษฐกิจ : โรคอ้วนในวัยเด็กมีต้นทุนสูงทั้งในระดับบุคคลและระดับประเทศ มีการประเมินว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอาจสูงกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ภายในปี 2035

สิ่งที่ควรทำ

เมื่อโรคอ้วนแซงหน้าภาวะน้ำหนักต่ำ “ใบหน้าของภาวะทุพโภชนาการ” กำลังเปลี่ยนไป มันไม่ใช่แค่เรื่อง “อาหารไม่พอ” แต่เป็น “อาหารคุณภาพต่ำ มีมากเกินไป และสภาพแวดล้อมที่ผลักดันพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีต่อสุขภาพ” เด็กที่เติบโตในวันนี้อาจเผชิญโรคเรื้อรังเร็วขึ้น เรียนรู้ได้ลดลง และมีคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำลง หากแนวโน้มยังคงดำเนินไป

สิ่งที่ควรลงมือทำ เช่น

• ควบคุมการโฆษณาอาหาร : รัฐบาลต้องจำกัดโฆษณาอาหารอัลตราโปรเซสที่มุ่งเป้าไปยังเด็ก โดยเฉพาะในโรงเรียนและแพลตฟอร์มออนไลน์

• ปฏิรูปอาหารในโรงเรียน : ห้ามขายอาหารแปรรูปในโรงเรียน และจัดหามื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น เม็กซิโกที่ออกนโยบายห้าม UPFs ในโรงเรียน

• สนับสนุนการเข้าถึงอาหารสุขภาพ : การอุดหนุนราคาผัก ผลไม้ และอาหารไม่ผ่านการแปรรูป จะช่วยให้ครอบครัวรายได้น้อยเลือกอาหารที่ดีขึ้นได้

• เสริมพลังพ่อแม่และชุมชน : การให้ความรู้ด้านโภชนาการและโครงการสังคมจะช่วยสนับสนุนการเลือกอาหารที่ดีขึ้น และผลักดันให้เกิดสิ่งแวดล้อมทางอาหารที่มีคุณภาพมากกว่าเดิม

อ้างอิงข้อมูล : timesofindia

Advertisement

แชร์
ประวัติศาสตร์ใหม่ จำนวนเด็ก "น้ำหนักเกิน" มีมากกว่า "ขาดสารอาหาร" แล้ว