บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศแผนเดินหน้ายกระดับบริการหลังการขาย ด้วยการขยายเครือข่ายศูนย์บริการมาตรฐาน 2S (Service & Spare Parts) อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าหมายจะมีศูนย์บริการ 2S ทั้งหมด 95 แห่งครอบคลุมทุกพื้นที่ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 93 แห่ง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การขยายศูนย์บริการ 2S นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงบริการมาตรฐานสำหรับลูกค้าในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังไม่มีโชว์รูมจำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ (3S) เนื่องจากปัจจุบันการสั่งซื้อรถยนต์ออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้น การมุ่งเน้นบริการหลังการขายที่มีคุณภาพสำหรับลูกค้าที่อยู่นอกพื้นที่ศูนย์บริการหลัก (3S: Sales, Service & Spare Parts) จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้งานและลดความกังวลของลูกค้าในพื้นที่ห่างไกล
ศูนย์บริการ 2S จะให้บริการงานซ่อมบำรุงทั่วไป และงานบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะ โดยช่างผู้ชำนาญการที่ผ่านการอบรมจากซูซูกิ พร้อมด้วยเครื่องมือมาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและคุณภาพของการบริการ อาทิ
นอกจากนี้ ศูนย์บริการ 2S ยังจัดจำหน่ายและติดตั้ง อะไหล่แท้ของซูซูกิ (Genuine Suzuki Spare Parts Supply) ซึ่งผลิตตามมาตรฐานเดียวกับชิ้นส่วนที่ใช้ในสายการผลิตจากโรงงาน มั่นใจได้ในคุณภาพและความทนทานสูง ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ซูซูกิยังได้พัฒนาระบบสำรองอะไหล่และกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการอย่างรวดเร็ว
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า ซูซูกิยังคงกำหนดให้ศูนย์บริการแบบ 3S (Sales, Service, Spare Parts) เป็นศูนย์หลักในการให้บริการอย่างครบวงจร โดยล่าสุดได้เปิดโชว์รูมมาตรฐาน 3S เพิ่มอีก 1 แห่ง คือ บริษัท ซูซูกิ ออโต้ เชียงใหม่ จำกัด สาขาดอนจั่น จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งบริหารงานโดย คุณประวิตร พันธ์สายเชื้อ กรรมการบริหาร
ศูนย์บริการ 2S จะเป็นกลไกสำคัญในการเสริมขีดความสามารถของเครือข่ายบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยซูซูกิให้การสนับสนุนผู้จำหน่ายในหลากหลายด้าน ทั้งด้านการบริหารจัดการ การฝึกอบรมบุคลากร ระบบเทคโนโลยี และการสื่อสารภาพลักษณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวกันทั่วประเทศ เช่น ป้ายสัญลักษณ์ SUZUKI การออกแบบและจัดหาอุปกรณ์ตกแต่งภายใน เพื่อให้ศูนย์บริการ 2S สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างสูงสุด
ปัจจุบัน ศูนย์บริการ 2S เปิดให้บริการแล้วในจังหวัดพัทลุง มหาสารคาม และปราจีนบุรี รวมถึงจังหวัดแพร่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพร้อมเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2568
นอกจากนี้ ซูซูกิยังมีแผนเพิ่มศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐาน ซึ่งปัจจุบันมี 44 แห่ง รวมถึงขยายจำนวนศูนย์บริการ 2S อย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ นอกจากนี้ ซูซูกิยังได้สนับสนุนให้ผู้จำหน่ายขยายบริการ "Mobile Service" หรือบริการดูแลรถยนต์นอกสถานที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้รับการดูแลรถโดยไม่ต้องเดินทางไปยังศูนย์บริการ โดยทีมช่างผู้ชำนาญการพร้อมให้บริการพื้นฐานที่จำเป็น อาทิ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตรวจเช็กระบบเบื้องต้น (เช่น ระบบเบรก แบตเตอรี่ หรือยาง) และบริการบำรุงรักษาตามรอบระยะ เป็นต้น
ซูซูกิยังคงเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายและศูนย์บริการอย่างเป็นระบบ เพื่อมอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์ซูซูกิที่ดีที่สุด สอดคล้องกับการพัฒนาแนวทางการบริการแบบ S-Solution โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับประสบการณ์การบริการลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นใจให้กับลูกค้าในการใช้บริการ ทั้งในด้านการจัดการข้อมูลลูกค้าแบบ Real-Time ผ่านระบบ Dealer Management System (DMS) ซึ่งช่วยให้ผู้จำหน่ายสามารถตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการและประเมินค่าใช้จ่ายได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
นายวัลลภ กล่าวทิ้งท้ายว่า ซูซูกิพร้อมยึดมั่นในแนวทาง “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์คุณภาพเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวัน มั่นใจได้ว่าซูซูกิมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน พร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าและชุมชนในทุกช่วงเวลา