รถยนต์ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน รู้หรือไม่ว่า เกิดอาการเสียศูนย์ได้ อาการเสียศูนย์ของรถยนต์นั้นสามารถสังเกตได้ด้วยตนเอง รถยนต์ที่ได้มาตรฐานนั้น นอกเหนือจากโครงสร้างตัวถัง เครื่องยนต์ และชิ้นส่วนประกอบต่างๆ แล้ว ทางทีมผู้ผลิตยังได้ออกแบบระบบควบคุมทิศทาง ระบบรองรับน้ำหนัก และระบบกันสะเทือน เพื่อให้รถแต่ละคันมีประสิทธิภาพ และมีสมรรถนะในการขับขี่ รวมถึงการยึดเกาะถนน และการควบคุมพวงมาลัย
รถยนต์ที่ถูกใช้งานอย่างสมบุกสมบัน บนพื้นผิวถนนที่ขรุขระ หรือเกิดอุบัติเหตุ เกิดการสึกหรอของชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกันทั้งระบบ ทั้งเนื่องจากอายุการใช้งานมักจะมีผลกระทบที่ทำให้การบังคับทิศทางของรถคันนั้นๆ ไม่ตรงตามที่กำหนด บางครั้งอาจเกิดอาการกินซ้าย หรือกินขวา ก็เป็นได้เช่นกัน หรือเรียกอีกอย่างว่า "เสียศูนย์"
สำหรับอาการที่กล่าวมาหากไม่รุนแรงมากนัก ผู้ขับขี่สามารถนำรถเข้ารับการตรวจเช็กที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน เพื่อให้ช่างปรับตั้งศูนย์ล้อใหม่ แต่ถ้าหากอาการหนักอยู่ในขั้นรุนแรง ควรนำรถเข้าซ่อมทั้งระบบทันที ซึ่งอาจจะต้องเปลี่ยนกันยกใหญ่ ให้ได้ค่าองศามาตรฐานตามเดิมของรถยนต์ที่ออกมาจากโรงงานผลิตกันเลยทีเดียว
ควรเลือกศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน พร้อมช่างที่มีความรู้ ความชำนาญ และมีประสบการณ์ หากซ่อมไม่ถูกวิธี หรือใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน องศาหรือค่ามาตรฐานก็จะเสียไป ซึ่งจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนไม่ดีเช่นเดิม
ดังนั้นผู้ขับขี่รถยนต์ จึงควรเอาใจใส่ ตรวจตรา ดูแลรักษาระบบช่วงล่างอยู่เสมอ เมื่อมีการเสื่อมสภาพ ไม่ควรฝืนใช้งานต่อไป เพราะจะก่อให้เกิดผลเสียอย่างอื่นตามมา เช่น อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่บนถนนขรุขระ หรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ไม่ควรใช้ความเร็วสูง ควรชะลอความเร็ว และหลีกเลี่ยงบริเวณที่เป็นหลุมขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน
และสำหรับรถยนต์ที่ทำการดัดแปลงช่วงล่าง เช่น เปลี่ยนโช้คอัพทำให้รถต่ำลง หรือยกสูงใส่ยางขนาดใหญ่กว่ามาตรฐาน ยางล้นเกินซุ้มล้อ เพื่อให้รถมีความสวยงามตามสไตล์เจ้าของรถ การปรับแต่งเหล่านี้ จะส่งผลทำให้รถเกิดอาการเสียศูนย์ได้ง่ายกว่าปกติมากขึ้น หากแต่งรถยนต์แล้ว ก็ต้องหมั่นดูแลรักษา เพื่อให้การขับขี่อยู่ในความสมดุลย์ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะตามมาได้ด้วย