Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ระบบขับเคลื่อนรถจักรยานยนต์ โซ่ และ สายพาน แบบไหนถึงเหมาะสมกับสไตล์

ระบบขับเคลื่อนรถจักรยานยนต์ โซ่ และ สายพาน แบบไหนถึงเหมาะสมกับสไตล์

21 มิ.ย. 68
16:00 น.
แชร์

ในโลกของรถจักรยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในชีวิตประจำวัน การออกทริปผจญภัย หรือการขับขี่ในสนามแข่ง สิ่งหนึ่งที่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนพลังจากเครื่องยนต์ไปสู่ล้อหลังคือ ระบบส่งกำลัง ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ ที่เราคุ้นเคยกันดี นั่นคือ แบบโซ่ และ แบบสายพาน แม้ทั้งสองระบบจะมีหน้าที่เดียวกัน แต่ก็มีคุณสมบัติ ข้อดี ข้อเสีย และลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การทำความเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกรถจักรยานยนต์ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของตนเองได้อย่างแท้จริง

รถจักรยานยนต์แบบโซ่

รถจักรยานยนต์แบบโซ่ คือระบบส่งกำลังที่ใช้ "โซ่" ซึ่งเป็นชิ้นส่วนโลหะหลายๆ ชิ้นเชื่อมต่อกันเป็นวงแหวน โดยมีฟันเฟืองที่เรียกว่า "สเตอร์" ทำหน้าที่เป็นตัวรับและส่งกำลัง โซ่จะเชื่อมต่อจากสเตอร์หน้าที่ติดอยู่กับเพลาข้อเหวี่ยงของเครื่องยนต์ (หรือเพลาขับของชุดเกียร์) ไปยังสเตอร์หลังที่ติดอยู่กับดุมล้อหลัง เมื่อเครื่องยนต์ทำงาน กำลังจะถูกส่งผ่านสเตอร์หน้าไปยังโซ่ และโซ่จะหมุนสเตอร์หลังให้ล้อหมุนตาม นี่คือระบบขับเคลื่อนที่เก่าแก่ที่สุดและยังคงเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในรถจักรยานยนต์ที่มีระบบเกียร์ธรรมดา

ข้อดีของรถจักรยานยนต์แบบโซ่

  • ประสิทธิภาพการส่งกำลังสูง โซ่มีการยืดหยุ่นน้อยมาก ทำให้การส่งผ่านกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพสูง การสูญเสียกำลังจากการส่งผ่านจึงมีน้อย ทำให้เครื่องยนต์สามารถถ่ายทอดพละกำลังได้อย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับรถที่ต้องการอัตราเร่งสูงและแรงบิดมหาศาล
  • ทนทานต่อการใช้งานหนักและสมบุกสมบัน ด้วยความแข็งแรงของวัสดุโลหะ โซ่สามารถทนทานต่อแรงดึงและแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม จึงเป็นที่นิยมในรถจักรยานยนต์ประเภทสมรรถนะสูง เช่น รถสปอร์ต, รถบิ๊กไบค์, รถวิบาก, หรือรถออฟโรด ที่ต้องเผชิญกับสภาพถนนที่ขรุขระและการขับขี่ที่ดุดัน
  • บำรุงรักษาพื้นฐานง่ายและราคาถูก การดูแลรักษาเบื้องต้น เช่น การทำความสะอาดโซ่, การหล่อลื่นด้วยน้ำมันโซ่, และการตั้งความตึงโซ่ สามารถทำได้ด้วยตนเองค่อนข้างง่าย และอะไหล่จำพวกโซ่และสเตอร์มีราคาไม่แพงนักเมื่อเทียบกับระบบสายพาน
  • ยืดหยุ่นในการปรับแต่ง ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนอัตราทดของรถได้ง่ายๆ ด้วยการเปลี่ยนขนาดของสเตอร์หน้าหรือสเตอร์หลัง เพื่อให้เหมาะสมกับสไตล์การขับขี่หรือเส้นทางที่ต้องการ เช่น หากต้องการอัตราเร่งที่ดีขึ้นก็เปลี่ยนสเตอร์หลังให้ใหญ่ขึ้น หรือลดสเตอร์หน้าให้เล็กลง

ข้อเสียของรถจักรยานยนต์แบบโซ่

  • ต้องการการบำรุงรักษาบ่อยครั้ง เพื่อรักษาประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน โซ่จำเป็นต้องได้รับการทำความสะอาดและหล่อลื่นอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหลังจากขับขี่ในสภาพอากาศเปียกชื้นหรือมีฝุ่นมาก หากละเลย โซ่อาจเกิดสนิม สึกหรอ หรือยืดตัวเร็วขึ้น
  • มีเสียงดังและสกปรก ขณะขับขี่อาจมีเสียงโซ่ดังเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อโซ่เริ่มหย่อนหรือขาดการบำรุงรักษา นอกจากนี้ น้ำมันหล่อลื่นโซ่อาจกระเด็นไปเปื้อนส่วนอื่นๆ ของรถหรือเสื้อผ้าได้ หากมีการหล่อลื่นมากเกินไป
  • อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับการดูแล หากการดูแลรักษาไม่ดีพอ โซ่อาจยืดหรือสึกหรอได้ง่าย ทำให้ต้องเปลี่ยนชุดโซ่และสเตอร์บ่อยกว่าที่ควร
  • มีการกระชากเกิดขึ้นได้ ในจังหวะการออกตัวหรือการเปลี่ยนเกียร์แบบกระชาก แรงกระทำจะส่งผลโดยตรงต่อโซ่และชุดเกียร์ ทำให้เกิดความรู้สึกกระตุกและอาจส่งผลเสียต่อชิ้นส่วนในระยะยาว

รถจักรยานยนต์แบบสายพาน

รถจักรยานยนต์แบบสายพาน คือระบบส่งกำลังที่ใช้ "สายพาน" ซึ่งมักทำจากยางสังเคราะห์ที่มีความแข็งแรงทนทาน ผสมผสานกับวัสดุเสริมแรงอื่นๆ เช่น เส้นใยคาร์บอน หรือเคฟลาร์ โดยสายพานจะทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างชุดพูลเลย์หน้า (ชุดชามขับ) ที่ติดกับเพลาข้อเหวี่ยงของเครื่องยนต์ กับชุดพูลเลย์หลัง (ชุดชามคลัตช์) ที่ติดกับล้อหลัง ระบบนี้มักถูกนำมาใช้ในรถจักรยานยนต์แบบออโตเมติก หรือที่รู้จักกันในชื่อ "รถสกู๊ตเตอร์" ซึ่งมีระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT (Continuously Variable Transmission) ผู้ขับขี่จึงไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์เอง

ข้อดีของรถจักรยานยนต์แบบสายพาน

  • ขับขี่ง่ายและสะดวกสบาย จุดเด่นที่ชัดเจนที่สุดคือการขับขี่ที่ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีจังหวะกระตุกจากการเปลี่ยนเกียร์ เหมาะอย่างยิ่งกับการขับขี่ในสภาพการจราจรที่ติดขัดในเมือง
  • เงียบและนุ่มนวล การส่งกำลังผ่านสายพานจะมีความเงียบกว่าและมีการสั่นสะเทือนน้อยกว่าระบบโซ่มาก ทำให้การขับขี่มีความนุ่มนวลและสบายยิ่งขึ้น ลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ระยะทางไกล
  • บำรุงรักษาน้อยกว่า สายพานไม่จำเป็นต้องมีการหล่อลื่นเหมือนโซ่ เพียงแค่ตรวจเช็กสภาพความสึกหรอและเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนดโดยผู้ผลิต ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าโซ่มาก หากไม่มีการใช้งานที่ผิดปกติ
  • สะอาดและเรียบร้อย เนื่องจากไม่มีการใช้น้ำมันหล่อลื่นแบบเปิด ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องคราบน้ำมันกระเด็นเปื้อนรถหรือเสื้อผ้า ทำให้รถดูสะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ

ข้อเสียของรถจักรยานยนต์แบบสายพาน

  • การสูญเสียกำลังในการส่งผ่าน โดยธรรมชาติของระบบสายพาน อาจมีการสูญเสียกำลังในการส่งผ่านมากกว่าระบบโซ่เล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อเครื่องยนต์ต้องการแรงบิดสูงๆ อย่างรวดเร็ว ทำให้ความรู้สึกในการตอบสนองอาจไม่ "ดิบ" เท่ากับระบบโซ่
  • ไม่เหมาะกับการใช้งานหนักหรือสมบุกสมบันมาก หากมีการกระชากออกตัวบ่อยครั้ง การขับขี่ขึ้นทางชันมากๆ หรือการใช้งานในสภาพสมบุกสมบันอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้สายพานเกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติ หรืออาจถึงขั้นขาดได้ หากไม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานประเภทนั้นๆ
  • ค่าบำรุงรักษาต่อครั้งสูงกว่า แม้จะบำรุงรักษาน้อยครั้งกว่า แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนสายพาน ค่าใช้จ่ายต่อเส้นมักจะสูงกว่าการเปลี่ยนชุดโซ่และสเตอร์ นอกจากนี้ หากเกิดปัญหากับชุดพูลเลย์หรือชามคลัตช์ ค่าซ่อมบำรุงอาจสูงขึ้นไปอีก
  • ความร้อนสะสม ในการใช้งาน สายพานอาจเกิดความร้อนสะสมได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สายพานเสื่อมสภาพเร็วขึ้นเมื่อใช้งานหนักต่อเนื่อง
  • ความซับซ้อนในการซ่อมบำรุง การเปลี่ยนสายพานหรือการซ่อมบำรุงชุดสายพานมีความซับซ้อนมากกว่าการเปลี่ยนโซ่และสเตอร์ และมักจะต้องอาศัยช่างผู้เชี่ยวชาญหรือศูนย์บริการเฉพาะทาง

ความแตกต่างของ โซ่ vs สายพาน

คุณสมบัติ

รถจักรยานยนต์แบบโซ่

รถจักรยานยนต์แบบสายพาน

การส่งกำลัง

ตรงไปตรงมา มีประสิทธิภาพสูง เน้นแรงบิดและอัตราเร่ง

นุ่มนวล ราบรื่น เน้นความต่อเนื่องและความสบาย

การขับขี่

ต้องมีการเปลี่ยนเกียร์ (ส่วนใหญ่) ให้ความรู้สึกควบคุมได้เต็มที่

เกียร์อัตโนมัติ ขับง่าย สะดวกสบาย เหมาะกับผู้เริ่มต้น

เสียงและการสั่นสะเทือน

มีเสียงดังกว่าและอาจมีการสั่นสะเทือนเล็กน้อย

เงียบกว่ามากและนุ่มนวลกว่า

การบำรุงรักษา

ต้องหมั่นทำความสะอาด, หยอดน้ำมัน, ตั้งความตึงบ่อยๆ

ไม่ต้องหยอดน้ำมัน, ตรวจเช็กและเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนด

ค่าบำรุงรักษา

ค่าอะไหล่ (โซ่/สเตอร์) ถูกกว่า, ทำเองได้ง่าย

ค่าสายพานแพงกว่าต่อครั้ง, การซ่อมแซมซับซ้อนกว่า

ความทนทาน

ทนทานต่อการใช้งานหนัก แรงบิดสูง การกระแทก

ไม่เหมาะกับการกระชากรุนแรง หรือใช้งานหนักต่อเนื่องในระยะยาว

ความสะอาด

อาจมีคราบน้ำมันกระเด็นเปื้อน

สะอาดกว่ามาก ไม่มีคราบน้ำมัน

ประเภทรถที่พบทั่วไป

รถเกียร์, บิ๊กไบค์, รถสปอร์ต, รถวิบาก, รถครุยเซอร์

รถสกู๊ตเตอร์, รถออโตเมติก, รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าบางรุ่น

เลือกแบบไหน

การเลือกรถจักรยานยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนแบบโซ่หรือสายพานขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะการใช้งานของผู้ขับขี่เป็นสำคัญ

  • หากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ที่เร้าใจ ชอบการควบคุมรถอย่างเต็มที่ ต้องการพละกำลังและอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจ ไม่เกี่ยงเรื่องการบำรุงรักษาที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ และอาจมีการขับขี่ในเส้นทางที่ท้าทาย ระบบขับเคลื่อนแบบ โซ่ คือตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคุณ
  • แต่ถ้าคุณเน้นความสะดวกสบายในการขับขี่ ต้องการความนุ่มนวลและเงียบสงบ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนเกียร์ เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน การเดินทางในเมือง หรือต้องการรถที่บำรุงรักษาน้อยกว่า และความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญ ระบบขับเคลื่อนแบบ สายพาน คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ

ไม่ว่าจะเป็นโซ่หรือสายพาน ทั้งสองระบบต่างก็มีวิวัฒนาการและถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การตัดสินใจเลือกจึงควรพิจารณาจากปัจจัยส่วนตัวเป็นหลัก เพื่อให้การขับขี่รถจักรยานยนต์ของคุณเป็นไปอย่างมีความสุขและตรงตามวัตถุประสงค์มากที่สุด

แชร์
ระบบขับเคลื่อนรถจักรยานยนต์ โซ่ และ สายพาน แบบไหนถึงเหมาะสมกับสไตล์