Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
แยกยังไง? ประเภทของรถจักรยานยนต์ ความแตกต่าง ขี่แบบไหน ใช้งานอย่างไร

แยกยังไง? ประเภทของรถจักรยานยนต์ ความแตกต่าง ขี่แบบไหน ใช้งานอย่างไร

28 พ.ค. 68
14:00 น.
แชร์

รถจักรยานยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ เป็นยานพาหนะสองล้อที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก ด้วยความคล่องตัว ประหยัดน้ำมัน และความสนุกในการขับขี่ ทำให้มอเตอร์ไซค์มีหลากหลายประเภท เพื่อตอบสนองความต้องการและสไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกันไป จะพาคุณไปดูประเภทหลักๆ ของรถจักรยานยนต์ พร้อมทั้งความแตกต่าง ข้อดี และข้อเสียของแต่ละประเภท

1. รถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต (Sport Bike)

รถจักรยานยนต์สปอร์ตถูกออกแบบมาเพื่อเน้นสมรรถนะและความเร็วในการขับขี่ มักมีรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว ท่านั่งที่โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อควบคุมรถได้แม่นยำในความเร็วสูง

  • ลักษณะเด่น แฟริ่งเต็มตัวหรือบางส่วน, ท่านั่งก้มต่ำ, แฮนด์ต่ำ, เครื่องยนต์สมรรถนะสูง, ระบบกันสะเทือนที่เน้นความแข็งแรง
  • ข้อดี สมรรถนะสูง อัตราเร่งและทำความเร็วได้ดีเยี่ยมการควบคุมที่แม่นยำ เหมาะสำหรับการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงดีไซน์สปอร์ต รูปลักษณ์ดุดันและทันสมัย
  • ข้อเสีย ท่านั่งไม่สบาย ไม่เหมาะสำหรับการขับขี่ในระยะทางไกลราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะรุ่นที่มีสมรรถนะสูงอาจไม่คล่องตัวในการจราจรติดขัด ท่านั่งและขนาดอาจทำให้ควบคุมยากในที่แคบ
  • เหมาะสำหรับการขับขี่ในสนามแข่ง, การขับขี่บนถนนที่เน้นความเร็วและความสนุก, ผู้ที่ชื่นชอบดีไซน์สปอร์ต

2. รถจักรยานยนต์แบบเนกเก็ต (Naked Bike)

รถจักรยานยนต์เนกเก็ตเน้นความเรียบง่าย โชว์ให้เห็นโครงสร้างและเครื่องยนต์ มักมีท่านั่งที่สบายกว่ารถสปอร์ต และมีความคล่องตัวสูงในการขับขี่ในเมือง

  • ลักษณะเด่น ไม่มีหรือมีแฟริ่งน้อย, ท่านั่งตรงกว่ารถสปอร์ต, แฮนด์ยกสูง, เครื่องยนต์ที่เน้นแรงบิดในรอบกลาง
  • ข้อดี คล่องตัวสูง ควบคุมง่ายในการจราจรในเมืองท่านั่งสบายกว่ารถสปอร์ต เหมาะสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันดีไซน์ดิบ เท่ โชว์ให้เห็นความงามของเครื่องยนต์และโครงสร้าง
  • ข้อเสีย ไม่เหมาะกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงเป็นเวลานาน ไม่มีแฟริ่งช่วยลดแรงลมสมรรถนะอาจไม่สูงเท่ารถสปอร์ต เน้นแรงบิดมากกว่าความเร็วสูงสุด
  • เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง, การเดินทางในชีวิตประจำวัน, ผู้ที่ชื่นชอบดีไซน์เรียบง่ายแต่ดุดัน

3. รถจักรยานยนต์แบบทัวร์ริ่ง (Touring Bike)

รถจักรยานยนต์ทัวร์ริ่งถูกออกแบบมาเพื่อการเดินทางในระยะทางไกล เน้นความสะดวกสบายของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระ

  • ลักษณะเด่น แฟริ่งขนาดใหญ่, ท่านั่งสบายและตรง, แฮนด์ยกสูง, เบาะนั่งขนาดใหญ่, พื้นที่เก็บสัมภาระ (เช่น กล่องข้างและกล่องหลัง)
  • ข้อดี สะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกล ท่านั่งผ่อนคลาย, ป้องกันลมได้ดีพื้นที่เก็บสัมภาระมาก เหมาะสำหรับการเดินทางพร้อมสัมภาระมักมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น ระบบควบคุมความเร็วคงที่, ระบบเครื่องเสียง
  • ข้อเสีย ขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก อาจไม่คล่องตัวในการจราจรในเมืองราคาค่อนข้างสูง มาพร้อมอุปกรณ์และเทคโนโลยีมากมาย
  • เหมาะสำหรับการเดินทางไกล, การท่องเที่ยว, ผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการขับขี่

4. รถจักรยานยนต์แบบครุยเซอร์ (Cruiser Bike)

รถจักรยานยนต์ครุยเซอร์เน้นสไตล์ที่โดดเด่น มักได้รับแรงบันดาลใจจากรถอเมริกันในยุคก่อน มีท่านั่งที่สบายๆ เหมาะสำหรับการขับขี่แบบชิลๆ

  • ลักษณะเด่น แฮนด์ยกสูง, ท่านั่งเหยียดเท้าไปข้างหน้า, เบาะนั่งต่ำ, ดีไซน์คลาสสิก มักมีชิ้นส่วนโครเมียม
  • ข้อดี สไตล์โดดเด่น รูปลักษณ์เป็นเอกลักษณ์ท่านั่งสบายสำหรับการขับขี่ชิลๆ เหมาะสำหรับการเดินทางที่ไม่เร่งรีบเสียงเครื่องยนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ มักมีเสียงทุ้มและหนักแน่น
  • ข้อเสีย ไม่คล่องตัวในการเข้าโค้ง ท่านั่งและโครงสร้างอาจไม่เหมาะกับการเลี้ยวด้วยความเร็วสูงอาจไม่สบายสำหรับการเดินทางไกลมาก ท่านั่งอาจทำให้เมื่อยล้าในระยะทางไกล
  • เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองแบบสบายๆ, การออกทริปสั้นๆ, ผู้ที่ชื่นชอบสไตล์คลาสสิก

5. รถจักรยานยนต์แบบแอดเวนเจอร์ (Adventure Bike)

รถจักรยานยนต์แอดเวนเจอร์ถูกออกแบบมาให้สามารถขับขี่ได้ทั้งบนทางเรียบและทางวิบาก เน้นความทนทาน ช่วงล่างที่ยาว และท่านั่งที่ควบคุมง่าย

  • ลักษณะเด่น ท่านั่งสูงและตรง, แฮนด์กว้าง, ช่วงล่างยาว, ล้อซี่ลวด (ในบางรุ่น), มักมีอุปกรณ์ป้องกันเครื่องยนต์
  • ข้อดี ขับขี่ได้หลากหลายพื้นผิว เหมาะทั้งทางเรียบและทางวิบากเบาๆ ท่านั่งสบายสำหรับการเดินทางไกล มองเห็นทัศนียภาพได้ดีความทนทานสูง ออกแบบมาเพื่อการผจญภัย
  • ข้อเสีย ขนาดและน้ำหนักมาก อาจควบคุมยากสำหรับผู้ขับขี่มือใหม่หรือในที่แคบราคาสูง มาพร้อมเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่หลากหลาย
  • เหมาะสำหรับการเดินทางผจญภัย, การขับขี่บนถนนที่ไม่เรียบ, ผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่ใช้งานได้หลากหลาย

6. รถจักรยานยนต์แบบโมตาร์ด (Motard Bike)

รถจักรยานยนต์โมตาร์ดเป็นการผสมผสานระหว่างรถวิบากและรถทางเรียบ มักมีน้ำหนักเบา ช่วงล่างยาว และยางทางเรียบ ทำให้มีความคล่องตัวสูงและสนุกในการขับขี่บนถนน

  • ลักษณะเด่น น้ำหนักเบา, ช่วงล่างยาว, ล้อขนาด 17 นิ้วพร้อมยางทางเรียบ, ท่านั่งสูง
  • ข้อดี คล่องตัวสูงมาก ควบคุมง่าย เลี้ยวสนุกช่วงล่างซับแรงกระแทกได้ดี: ขับขี่บนถนนที่ไม่เรียบได้สบายน้ำหนักเบา ทำให้ควบคุมง่าย
  • ข้อเสีย ไม่สบายสำหรับการเดินทางไกล เบาะนั่งมักจะแข็งและเล็กอาจไม่เหมาะกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงเป็นเวลานาน การทรงตัวอาจไม่ดีเท่ารถที่ออกแบบมาสำหรับความเร็วสูง
  • เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัว, การขับขี่เล่นบนถนนคดเคี้ยว

7. รถจักรยานยนต์แบบสกู๊ตเตอร์ (Scooter Bike)

รถจักรยานยนต์สกู๊ตเตอร์เน้นความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวัน มีพื้นวางเท้ากว้างขวาง และมักมีพื้นที่เก็บของใต้เบาะนั่ง

  • ลักษณะเด่น พื้นวางเท้า, เบาะนั่งสบาย, ระบบเกียร์อัตโนมัติ (ส่วนใหญ่), มักมีพื้นที่เก็บของ
  • ข้อดี ขับขี่ง่าย ระบบเกียร์อัตโนมัติทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์สะดวกสบายในการใช้งานในเมือง พื้นวางเท้าและท่านั่งสบายมีพื้นที่เก็บของ สะดวกในการพกพาสิ่งของ
  • ข้อเสีย สมรรถนะอาจไม่สูงเท่ารถประเภทอื่น เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวันไม่เหมาะกับการขับขี่ในทางวิบาก: ช่วงล่างและล้อไม่เอื้ออำนวย
  • เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง, การเดินทางในชีวิตประจำวัน, ผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการขับขี่

8. รถจักรยานยนต์แบบครอบครัว (Family Bike)

มักมีเบาะยาว ซ้อนสบาย อาจมีอุปกรณ์เสริมเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางร่วมกัน รถจักรยานยนต์สกู๊ตเตอร์เน้นความสะดวกสบาย

  • ลักษณะเด่น เบาะกว้าง, พื้นวางเท้ากว้าง, ที่เก็บของใต้เบาะ, เกียร์อัตโนมัติ
  • ข้อดี ซ้อนสบาย, บรรทุกของได้, ขับขี่ง่าย, คล่องตัวในเมือง, ดูแลง่าย
  • ข้อเสีย สมรรถนะอาจไม่สูง, มั่นคงน้อยกว่าที่ความเร็วสูง, ไม่เหมาะทางขรุขระ, บางรุ่นราคาสูง
  • เหมาะสำหรับ ครอบครัวเล็ก, ผู้ต้องการความสะดวกสบาย, ผู้เริ่มต้น, ผู้ใช้ในเมือง, ผู้ต้องการที่เก็บของ

ตัวอย่างรุ่นและยี่ห้อของรถจักรยานยนต์แต่ละประเภท

  1. รถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต (Sport Bike) Yamaha YZF-R1, YZF-R6, Honda CBR1000RR-R Fireblade, CBR600RR, Kawasaki Ninja ZX-10R, Ninja ZX-6R, Ducati Panigale V4, Supersport
  2. รถจักรยานยนต์แบบเนกเก็ต (Naked Bike) Yamaha MT-09, MT-07, Honda CB650R, CB500F, Kawasaki Z900, Z650, KTM 890 Duke, 390 Duke
  3. รถจักรยานยนต์แบบทัวร์ริ่ง (Touring Bike) Honda Gold Wing, BMW R 1250 GS Adventure (แม้จะกึ่งแอดเวนเจอร์), K 1600 GTL, Harley-Davidson Road Glide, Ultra Limited
  4. รถจักรยานยนต์แบบครุยเซอร์ (Cruiser Bike) Harley-Davidson Sportster, SoftailIndian Motorcycle Chief, Scout, Yamaha V Star, Bolt
  5. รถจักรยานยนต์แบบแอดเวนเจอร์ (Adventure Bike) BMW R 1250 GS, KTM 1290 Super Adventure, 790/890 Adventure, Honda Africa Twin, Ducati Multistrada
  6. รถจักรยานยนต์แบบโมตาร์ด (Motard Bike) KTM 690 SMC R, Husqvarna 701 Supermoto, Yamaha WR250X
  7. รถจักรยานยนต์แบบสกู๊ตเตอร์ (Scooter Bike) Yamaha NMAX, XMAX, Honda PCX, Forza, Vespa Primavera, GTS
  8. รถจักรยานยนต์แบบครอบครัว (Family Bike) Honda (Wave, Super Cub, Finn) Yamaha (Finn, Spark) Suzuki (Smash)

โลกของรถจักรยานยนต์มีความหลากหลายอย่างมาก แต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการและสไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกันไป การทำความเข้าใจถึงลักษณะ ข้อดี และข้อเสียของรถจักรยานยนต์แต่ละประเภท จะช่วยให้คุณสามารถเลือกรถมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด

แชร์
แยกยังไง? ประเภทของรถจักรยานยนต์ ความแตกต่าง ขี่แบบไหน ใช้งานอย่างไร