รู้หรือไม่? เหงื่อทำร้ายผิวมากกว่าที่คุณคิด

3 ธ.ค. 64

เมืองไทยนั้นจัดว่าเป็นประเทศที่มีสภาพอากาศแบบร้อนชื้น อากาศก็ร้อนแทบจะทั้งปี เดินออกไปข้างนอกแค่ครู่เดียวก็เหงื่อโชกแล้ว พอเหงื่อออก บางท่านก็อาจจะไม่ซับเหงื่อออก และปล่อยให้แห้งไปเอง หรือซ้ำร้ายกว่านั้น อาจจะมีความรู้สึกว่าน้ำเหงื่อที่หลั่งออกมาทำให้หน้าชุ่มน้ำดี เพราะมีน้ำเปียกผิวเยอะ แต่ทราบหรือไม่ครับว่า เหงื่อที่เปียกหน้าเราอยู่นั้น ส่งผลเสียต่อผิวอย่างไรบ้าง ถ้าอยากทราบแล้ว เชิญอ่านต่อได้เลยครับ

493270

เพราะความร้อนส่งผลเสียต่อผิวหลายประการ ผิวจึงต้องหาทางลดอุณหภูมิโดยการหลั่งเหงื่อ

เมื่อผิวเจอความร้อน ร่างกายก็จะส่งสัญญาณให้ต่อมเหงื่อหลั่งเหงื่อออกมา เพื่อลดอุณภูมิความร้อนนั้น ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า ถ้าไม่หลั่งเหงื่ออกมา ความร้อนนั้นจะทำให้เอนไซม์ต่าง ๆ ที่อยู่ในผิวทำงานได้แย่ลง อีกทั้งยังทำให้ หลอดเลือดฝอยขยายตัว ผิวเกิดการเห่อแดงอีกด้วยครับ

เหงื่อดีต่อผิวอย่างไร ?

ขณะที่น้ำในเหงื่อระเหยออกไป ก็จะพาความร้อนที่ผิวออกไปด้วย อุณหภูมิผิวก็จะลดลง และเมื่ออุณหภูมิลดลงเอนไซม์ที่อยู่ในผิวก็จะกลับมาทำงานได้เป็นปกติ นอกจากนี้ หลอดเลือดฝอยก็จะหดตัวกลับมาเหมือนเดิม ผิวที่เห่อแดงก็จะดีขึ้นครับ

153087

แต่รู้หรือไม่ ? เหงื่อที่หลั่งออกมาเพื่อลดอุณหภูมิผิว ก็ทำร้ายผิวด้วยเช่นกัน

เหงื่อที่หลั่งออกมานั้น ไม่ได้มีแต่ข้อดีนะครับ เพราะเหงื่อของคนเราไม่ได้ประกอบด้วยน้ำเพียงอย่างเดียว แต่ยังประกอบไปด้วยเกลือชนิดต่าง ๆ

เหงื่อที่ออกมาแล้ว ก็ไม่ได้ระเหยออกไปทันที ทำให้ผิวถูกแช่อยู่ในน้ำเหงื่อ เกราะผิว (Skin Barrier) จะเกิดการยุ่ย (เหมือนกับเวลาที่เราว่ายน้ำนาน ๆ แล้วนิ้วมือเปื่อย ๆ ครับ) และเมื่อน้ำเหงื่อระเหยออกไปแล้ว ก็จะเกิดคราบเกลือหลงเหลืออยู่บนผิวหนัง (สังเกตได้จากเวลาที่เราเหงื่อออก แล้วจะเห็นเป็นคราบขาว ๆ ตามคอเสื้อหรือหลังเสื้อ) น้ำในผิวถูกดึงออกมา เพื่อเจือจางคราบเกลือเหล่านั้น ส่งผลให้ผิวเสียน้ำเป็นอย่างมากเลยครับ

นอกจากนี้ เหงื่อยังประกอบไปด้วยยูเรียที่มีความเป็นด่าง โดยปกติแล้ว ความเป็นกรดด่างหรือค่า pH ที่ผิวของคนเราจะอยู่ที่ประมาณ 5.5 แต่ pH ของเหงื่อนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 6-7

ดังนั้น ทุกครั้งที่เหงื่อหลั่งออกมา pH ของผิวก็จะสูงขึ้น ประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโดยธรรมชาติของผิวที่อาศัย pH 5.5 ก็จะแย่ลงครับ

950156

แล้วเราจะป้องกันไม่ให้ผิวโดนทำร้ายจากเหงื่อได้อย่างไร ?

1. ล้างหน้าให้สะอาด แต่หากไม่สะดวก เช่นมีเมคอัพอยู่ หรือ ไม่สามารถหาห้องน้ำได้ แนะนำให้ซับผิวด้วยกระดาษเช็ดหน้าที่เปียกน้ำ หรือใช้ทิชชู่เปียกสำเร็จรูปที่ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ซับ เพื่อเอาคราบเกลือต่าง ๆ ออกจากผิว

2. ลดอุณหภูมิผิวให้เร็วที่สุดโดยใช้มิสต์บำรุงผิวหน้า โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดอะมิโน เพื่อเติมน้ำและความชุ่มชื้นให้กับผิว

3. เติมกันแดด และแป้ง หรือแป้งผสมรองพื้น ตามความเหมาะสมและจำเป็นครับการหลั่งเหงื่อของคนเรา มีข้อดีตรงที่ช่วยลดอุณหภูมิผิวได้ก็จริง แต่เหงื่อที่หลั่งออกมานั้นก็ส่งผลเสียมากมายต่อผิวด้วยเช่นกันครับ

ดังนั้น หลังเหงื่อออก เราควรล้างหน้าให้สะอาด แต่หากไม่สะดวก แนะนำให้ซับผิวด้วยกระดาษเช็ดหน้าที่เปียกน้ำ หรือใช้ทิชชู่เปียกสำเร็จรูปที่ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ เพื่อเอาคราบเกลือต่าง ๆ ออกจากผิว

หลังจากนั้นก็เติมความชุ่มชื้นด้วยมิสต์บำรุงผิวหน้า โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดอะมิโน เพื่อลดอุณหภูมิผิวให้เร็วที่สุด พร้อมเติมน้ำและความชุ่มชื้นให้กับผิว

และสุดท้ายก็คือ เติมครีมกันแดดและแป้ง หรือแป้งผสมรองพื้นหากจำเป็นครับ

----

byline

อมต ชัยเกรียงไกร

นักวิจัยสกินแคร์คนไทย ประสบการณ์ทำงานในบริษัทเครื่องสำอาง Top 3 ของญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาด้านสูตรสกินแคร์ให้กับแบรนด์สกินแคร์ทั้งในและต่างประเทศ และเป็นผู้ก่อตั้ง แบรนด์ AMT Skincare
อ่านประวัติผู้เขียนต่อ คลิก

 

pin1จบทุกปัญหาผิว ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ฟรี!

addline1

 

 

AMT Skincare Official Line

แอดไลน์ @amtskincare หรือ คลิก

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

- ผิวจะสวยไม่ได้ ถ้าขาดกรดอะมิโน

- ทาอะไรก็ "แสบ แดง คัน" อาจจะไม่ใช่ผิวแพ้ง่ายเสมอไป!

- ใครๆ ก็มีผิวโกลว์ได้ แค่ทำสิ่งนี้!

- ล้างหน้าอย่างไรดีต่อผิว

- สกินแคร์ที่รู้สึกซึมดี แปลว่า สารสำคัญซึมดี จริงหรือ?

advertisement

Powered by AMT Skincare

สุขภาพและความงาม คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม

ไลฟ์สไตล์ ล่าสุด