
ในที่สุด การชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ ก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว หลังจากพรรคเดโมแครตยอมประนีประนอมโดยล้มเลิกข้อเรียกร้องหลักในการขอต่อเวลาเงินอุดหนุนเพิ่มเติมตามกฎหมาย Affordable Care Act (ACA) หรือโอบามาแคร์ ที่ทำให้การรักษาพยาบาลมีราคาไม่แพงและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับชาวอเมริกันทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่มีประกันสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และพรรครีพับลิกันจะอ้างว่าเป็น "ชัยชนะ" ในการยุติชัตดาวน์ แต่ผลลัพธ์ที่ตามมากลับเป็นปัญหาทางการเมืองครั้งใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า นั่นคือวิกฤตการดูแลสุขภาพที่กำลังคุกคามชีวิตประชาชนหลายล้านคน ซึ่งเป็นปัญหาที่ทรัมป์เคยให้คำมั่นว่าจะแก้ไขแต่ไม่เคยทำสำเร็จ
ทรัมป์กลับมาให้คำมั่นสัญญาอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ว่า จะหาทางออกอย่างเร่งด่วนสำหรับวิกฤตสุขภาพที่เกิดขึ้นขณะนี้ โดยกล่าวอย่างคลุมเครือว่า จะ "ทำงานอย่างหนักในประเด็นนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับเงินโดยด่วนที่สุด" เขากล่าวถึงชาวอเมริกันที่ต้องเผชิญกับวิกฤตเนื่องจากเงินอุดหนุน ACA กำลังจะหมดอายุลง และให้คำมั่นลอย ๆ ว่า จะมีการอนุมัติเงิน "หลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ" ที่จะถูกส่งตรงไปให้ประชาชนโดยไม่ผ่านบริษัทประกัน
CNN เขียนบทความวิเคราะห์วิกฤตดังกล่าว โดยตอนหนึ่งเขียนว่า “คำตอบนอกสคริปต์นี้เป็นเพียงการพูดจาเลี่ยงประเด็นตามปกติของทรัมป์ เพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์เฉพาะหน้า โดยไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าแนวคิดในการส่งเงินสดไปให้ผู้ถือกรมธรรม์โดยตรงเพื่อแทนที่เงินอุดหนุนนั้นจะดำเนินการได้อย่างไร”
ประชาชนชาวอเมริกันหลายล้านคนกำลังได้รับผลกระทบจากเบี้ยประกันที่สูงขึ้นและค่าลดหย่อนส่วนแรกที่แพงขึ้น ท่ามกลางวิกฤตค่าครองชีพที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้คือ การหมดอายุของเงินอุดหนุน ซึ่งหากพรรครีพับลิกันไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ทันทีและโน้มน้าวผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าพวกเขามีแผนแก้ปัญหาที่จริงจัง ความหวังในการเลือกตั้งกลางเทอมปี 2026 ของพรรครีพับลิกันอาจได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ความคลุมเครือของโดนัลด์ ทรัมป์ในเรื่องการดูแลสุขภาพไม่ใช่เรื่องใหม่ นับตั้งแต่การรณรงค์หาเสียงในปี 2016 เขาเคยให้คำมั่นว่าจะยกเลิกโอบามาแคร์และแทนที่ด้วยสิ่งที่ "ยอดเยี่ยม" และ "ดีขึ้น แต่ราคาถูกลง" ซึ่งเป็นคำสัญญาที่เต็มไปด้วยการกล่าวเกินจริงแต่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย ตลอดวาระแรกของเขา โดยคำมั่นสัญญาที่จะดำเนินการต่าง ๆ ได้กลายเป็นมุกตลกทางการเมือง
แม้จะเข้าสู่การเลือกตั้งวาระที่สองแล้ว ทรัมป์ก็ยังคงย้ำคำสัญญาเดิม ๆ ในการโต้วาทีกับคู่แข่งอย่าง กมลา แฮร์ริส ในปี 2024 เขาถูกเยาะเย้ยว่ามีแค่แผนและแนวคิด ที่จะทำให้การดูแลสุขภาพ "ดีขึ้นและถูกลง" จนถึงขณะนี้ แม้จะมีความพยายามบางส่วนของทรัมป์ในการลดต้นทุนยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ แต่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ก็ยังคงรอคอยทางออกที่ครอบคลุมของเขาอยู่ดี
ในระหว่างการชัตดาวน์ที่เพิ่งสิ้นสุดไปนี้ ต้องยอมรับว่า พรรคเดโมแครตประสบความสำเร็จในการเน้นย้ำประเด็น ACA และโจมตีพรรครีพับลิกันที่ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง ผลสำรวจของ NBC News ในเดือนที่แล้วชี้ให้เห็นว่า 10% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าค่าเบี้ยประกันสุขภาพเป็นประเด็นสำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกตั้งรัฐสภาครั้งต่อไป และ 49% เชื่อว่าพรรคเดโมแครตจะจัดการเรื่องการดูแลสุขภาพได้ดีกว่า เทียบกับ 26% ที่เชื่อในพรรครีพับลิกัน ตัวเลขเหล่านี้ตอกย้ำว่า การดูแลสุขภาพเป็นระเบิดเวลาทางการเมืองที่พรรครีพับลิกันต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปัญหาการดูแลสุขภาพไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้กับพรรคเดโมแครตเท่านั้น แต่ยังสร้างรอยร้าวอย่างรุนแรงภายในความเป็นเอกภาพของพรรครีพับลิกันเองด้วย ความขัดแย้งถึงขั้นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกาจากรัฐจอร์เจีย อย่าง มาร์โจรี เทย์เลอร์ กรีเน โดยช่วงชัตดาวน์ เธอได้แสดงความเห็นที่แตกต่างและวิพากษ์วิจารณ์พรรคของเธอเองอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องการดูแลสุขภาพและการหมดอายุของเงินอุดหนุน ACA
แม้ก่อนหน้านี้ เธอจะสนับสนุนแนวคิด ‘อเมริกาต้องมาก่อน’ ของทรัมป์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่ในประเด็นงบประมาณด้านสุขภาพ เธอเน้นย้ำว่า เบี้ยประกันสุขภาพสำหรับคนอเมริกัน—รวมถึงครอบครัวของเธอเอง—กำลังจะ "เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า" ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจที่ชาวอเมริกันทั่วไปกำลังเผชิญ เธอตำหนิผู้นำพรรครีพับลิกันว่า ไม่มีใครพูดคุยหรือนำเสนอแผนการที่เป็นรูปธรรม เพื่อแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ทรัมป์เองก็ไม่ยอมให้ถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว ทรัมป์ได้ตอบโต้ว่า "ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมาร์โจรี... ผมคิดว่าเธอหลงทางไปแล้ว” คำวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องของกรีเน ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนสำหรับนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพยายามจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งภายในพรรคในระหว่างการชัตดาวน์ แต่การที่ ส.ส. พรรครีพับลิกันกลุ่มหนึ่งยอมรับว่าพรรคการเมืองที่พวกเขาสังกัดอยู่ยังให้ความสำคัญกับปัญหาด้านงบประมาณสุขภาพน้อยไปนั้น สร้างความสั่นสะเทือนและลดความแข็งแกร่งของพรรคเป็นอย่างมาก
เพื่อรับมือกับปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทรัมป์ได้เสนอแนวคิดที่ไม่สอดคล้องกับหลักการอนุรักษ์นิยมดั้งเดิม นั่นคือการใช้พลังของรัฐบาลเข้าแทรกแซงตลาด โดยหนึ่งในแนวคิดล่าสุดที่เขากล่าวขึ้นมาระหว่างให้สัมภาษณ์ คือการส่งเงินโดยตรงให้กับผู้ถือกรมธรรม์ ACA แทนที่จะเสนอเงินอุดหนุนผ่านบริษัทประกันเพื่อให้ผู้คนสามารถเจรจาประกันสุขภาพของตนเองที่ดีกว่าได้
อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและขาดรายละเอียดอย่างสิ้นเชิง ยังไม่มีความชัดเจนว่า การชำระเงินโดยตรงนี้จะครอบคลุมส่วนที่ขาดหายไปของเงินอุดหนุนทั้งหมดหรือไม่ หรือจะเป็นการชำระเงินแยกต่างหากที่ผู้ป่วยสามารถนำไปใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลได้โดยตรง ซึ่งหากเป็นกรณีหลัง ผู้รับเงินก็อาจต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่มหาศาลหากพวกเขาได้รับการวินิจฉัยที่ไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ ยังมีคำถามที่ซับซ้อนตามมาว่า การให้เงินสดแก่ชาวอเมริกันบางกลุ่มจะเป็นธรรมต่อผู้เสียภาษีคนอื่น ๆ ได้อย่างไร และการชำระเงินด้านการดูแลสุขภาพที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐนี้ จะขัดต่อหลักการทั้งหมดที่พรรครีพับลิกันยึดถือหรือไม่
แม้ว่ารัฐบาลทรัมป์จะเคยมีโครงการริเริ่มบางอย่างที่ประสบความสำเร็จในการลดต้นทุนยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ เช่น การเปิดตัวเว็บไซต์ TrumpRx และแผนการที่จะทำให้ยาลดความอ้วนบางชนิดมีราคาถูกลง แต่ความพยายามเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นทางออกที่ครอบคลุมสำหรับวิกฤตสุขภาพที่กว้างขึ้น ความล้มเหลวในอดีตของประธานาธิบดีในการส่งมอบแผนการดูแลสุขภาพที่ชัดเจน รวมถึงคำถามที่ยุ่งยากเกี่ยวกับแผนการ "เงินสด" ล่าสุดของเขา ได้อธิบายถึงฝันร้ายทางการเมือง ที่พรรครีพับลิกันอาจเสื่อมความนิยมจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งหลายสิบล้านคน