Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เกาหลีใต้เตือนพลเมืองจะไปกัมพูชาระวัง “เป็นพิเศษ” ปมหนุ่มไอทีเสียชีวิต
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

เกาหลีใต้เตือนพลเมืองจะไปกัมพูชาระวัง “เป็นพิเศษ” ปมหนุ่มไอทีเสียชีวิต

13 ต.ค. 68
13:52 น.
แชร์

Spotlight ย้อนไทม์ไลน์และสรุปเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตั้งแต่ปมนักศึกษาชาวเกาหลีใต้เสียชีวิตในกัมพูชา ซึ่งเป็นที่มาให้รัฐบาลเกาหลีใต้เรียกทูตกัมพูชาเข้าพบ พร้อมยกระดับเตือนประชาชนในประเทศให้พิจารณาการเดินทางเยือนกัมพูชาเป็นพิเศษ 

พัค มินโฮ: นักศึกษาหนุ่มเสียชีวิตหลังโดนเรียกค่าไถ่

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นายพัค มินโฮ นักศึกษาหนุ่มชาวเกาหลีใต้ วัย 22 ปี เดินทางเข้าประเทศกัมพูชา หลังได้รับทาบทามให้มาทำงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยจะได้รับค่าตอบแทนสูงลิ่ว ซึ่งคาดกันว่า เขาน่าจะถูกหลอกให้เข้าสู่ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกดูดเงินจากผู้คนทางออนไลน์ 

หลังจากเขาอยู่กัมพูชาได้ 1 สัปดาห์ ครอบครัวของเขาในเกาหลีใต้ก็ได้โทรศัพท์เรียกค่าไถ่เป็นเงิน 50 ล้านวอน คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,140,000 บาท ทางครอบครัวจึงรีบแจ้งต่อสถานทูตเกาหลีใต้ประจำกัมพูชาและเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชา เพื่อขอความช่วยเหลือในการติดตามหาตัวลูกชาย แต่เนื่องจากไม่ทราบตำแหน่งที่แน่นอน จึงทำให้การช่วยเหลือล่าช้า

หลังจากนั้น ในวันที่ 8 สิงหาคม ร่างไร้วิญญาณของเขาถูกพบใกล้ภูเขาโบกอร์ จังหวัดกำปอต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทราบกันว่าเป็นแหล่งกบดานของแก๊งค์อาชญากรรมออนไลน์ สถานทูตเกาหลีใต้และทางการกัมพูชายืนยันว่า เขาเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจหยุดเต้น ซึ่งเป็นผลมาจากการถูกทรมานอย่างรุนแรงและทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส (Severe Torture and Extreme Pain) ร่างกายมีรอยฟกช้ำและบวม

ตำรวจกัมพูชาได้จับกุมผู้ต้องสงสัยชาวจีน 3 คน โดยกล่าวหาว่า พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมโดยใช้ความรุนแรงและการฉ้อโกงโดยใช้ระบบเทคโนโลยี

เกาหลีใต้เรียกทูตกัมพูชาหารือ

คดีที่มีคนหนุ่มเก่งไอทีจากเกาหลีใต้เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา สร้างความตื่นตกใจให้กับสังคมเกาหลีเป็นอย่างมาก ด้านกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้จึงได้เรียกทูตกัมพูชาเข้าพบเพื่อแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่โหดร้ายนี้ 

รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ได้เรียกร้องให้ทางการกัมพูชาดำเนินการที่รวดเร็วและเป็นรูปธรรมเพื่อกำจัดแก๊งหลอกลวงออนไลน์ และป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นอีก นอกจากนี้ ยังมีแผนส่งเจ้าหน้าที่จากเกาหลีใต้ชุดพิเศษเพื่อทำการสอบสวนและให้ความช่วยเหลือชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการสอบสวนและใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อจัดการกับการฉ้อโกงออนไลน์

ด้านอัยการกัมพูชาได้ฟ้องชาวจีน 3 คนในข้อกล่าวหาทรมานนักศึกษาชาวเกาหลีใต้จนเสียชีวิต ในข้อหาฆาตกรรมและฉ้อโกง เนื่องจากนักเรียนคนดังกล่าวถูกพบเสียชีวิตภายในรถยนต์สีดำ พร้อมผู้ต้องสงสัยชาวจีน 2 คนที่อยู่ในรถขณะนั้นด้วย ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนท้องถิ่นได้เข้าตรวจค้นวิลล่าใกล้เคียงซึ่งเชื่อว่าเป็นสถานที่เกิดเหตุอาชญากรรม และควบคุมตัวผู้สมรู้ร่วมคิดชาวจีนเพิ่มอีก 1 คน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาปฏิเสธรายงานที่ว่าครอบครัวของเหยื่อได้ขอความช่วยเหลือผ่านสถานทูตเกาหลีใต้หรือตำรวจท้องถิ่น โดยกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กัมพูชาไม่ได้รับคำร้องเรียนหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องใด ๆ

เกาหลีใต้มองกัมพูชาเป็นเมืองสแกมเมอร์

กรณีนักศึกษาโดนหลอกไปทำงานสแกมเมอร์ในกัมพูชา จุดกระแสให้ชาวเกาหลีใต้หันมาสนใจประเด็นดังกล่าว พร้อมเปิดโปงถึงเรื่องราวที่คนใกล้ตัวถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในเกาหลีใต้ได้เผยแพร่ภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นถึงหนังสือเดินทางหลายเล่มที่ถูกทิ้งเกลื่อนอยู่ในถังขยะในประเทศกัมพูชา

ภาพดังกล่าวสร้างความหวาดผวาอย่างมากในหมู่ชาวเกาหลีใต้ โดยหลายคนแสดงความเห็นว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่อันตราย และตั้งคำถามว่า "มีชาวเกาหลีใต้กี่คนกันแน่ที่ถูกลักพาตัวไปในกัมพูชา?" เพราะนักท่องเที่ยวไม่มีทางทิ้งพาสปอร์ตตัวเองลงในถังขยะแบบนี้แน่ ๆ เกิดความกังวลว่า หนังสือเดินทางเหล่านี้อาจเป็นของเหยื่อที่ถูกล่อลวงหรือลักพาตัวโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรืออาชญากรไซเบอร์ ซึ่งใช้พาสปอร์ตจริงของเหยื่อในการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย หรือทิ้งพาสปอร์ตเหล่านั้นหลังจากการลักพาตัวหรือควบคุมตัวเหยื่อ

ความน่าเชื่อถือและสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศยังสั่นคลอนเพิ่มขึ้นอีกขั้น เมื่อรัฐบาลเกาหลีใต้ตัดสินใจ ได้ประกาศยกระดับคำเตือนการเดินทางสำหรับกรุงพนมเปญเป็นระดับ "พิเศษ" (Special Travel Advisory) เนื่องจากจำนวนคดีที่ชาวเกาหลีใต้ถูกลักพาตัวหรือกักขังที่เกี่ยวข้องกับแก๊งค์หลอกลวงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

วิกฤตอาชญากรข้ามชาติ พบชาวเกาหลีใต้ถูกหลอกเพิ่มขึ้น

ชอง มยองกยู หัวหน้าสมาคมเกาหลีในกัมพูชา กล่าวระหว่างการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสถานีวิทยุ CBS ระบุว่า “ทุกสัปดาห์ จะมีคน 5 ถึง 10 คนติดต่อมาหาเราเพื่อขอความช่วยเหลือในการหลบหนี”

เขากล่าวว่า ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือมักตกเป็นเหยื่อของการกักขัง การทำร้ายร่างกาย และการถูกบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย “พวกเขาหลบหนีโดยไม่มีหนังสือเดินทางหรือทรัพย์สิน ดังนั้นพวกเขาจึงนั่งแท็กซี่ตรงไปที่สถานทูตหรือสำนักงานของเรา”

ชุงกล่าวว่า สมาคมทำงานอย่างใกล้ชิดกับสถานทูตเกาหลีในกรุงพนมเปญเพื่อช่วยเหลือเหยื่อให้กลับบ้าน แต่กระบวนการดังกล่าวมีความอันตรายและต้องใช้ทรัพยากรมาก โดยระบุว่า “มีกรณีที่สมาชิกแก๊งมาปรากฏตัวที่สนามบินเพื่อจับกุมผู้หลบหนี เราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือจนถึงที่สุด แต่จำนวนคดีกลับเพิ่มมากขึ้นจนเกินกว่าจะรับมือไหว”

ในช่วงต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ถูกส่งตัวกลับประเทศเกาหลีใต้แล้วอย่างน้อย 300 คนในปีนี้ แต่ชองประเมินว่าจำนวนรายงานที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรที่สถานทูตและสมาคมได้รับอาจสูงถึง 400 ถึง 500 รายงานในปีนี้เพียงปีเดียว ชองกล่าวว่า ยังคงเป็นเรื่องยากมากที่จะกำจัดอาชญากรรมประเภทนี้ เนื่องจากกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ดำเนินการเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันอย่างหลวม ๆ และกระจายอยู่ทั่วประเทศ

เขายังพยายามผลักดัน โครงการ Korean Desk ให้เกิดขึ้นจริง ที่จะมีความร่วมมือระหว่างสองประเทศ อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีจะประจำการอยู่ในหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของกัมพูชาโดยตรง แทนที่จะประจำอยู่เฉพาะที่สถานทูต ซึ่งเป็นความพยายามมาตลอด 3-4 ปีแล้ว แต่เขาเปิดเผยอย่างมีความหวังว่า “ครั้งนี้ เนื่องจากประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าแก๊งอาชญากรรมเหล่านี้ต้องถูกกำจัดและลงโทษ เราจึงมีความหวังมากขึ้น”


แชร์
เกาหลีใต้เตือนพลเมืองจะไปกัมพูชาระวัง “เป็นพิเศษ” ปมหนุ่มไอทีเสียชีวิต