Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
5 เรื่องจริงว่าที่นายกฯ หญิงคนแรกของญี่ปุ่น สตรีเหล็ก มือกลองวงร็อก
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

5 เรื่องจริงว่าที่นายกฯ หญิงคนแรกของญี่ปุ่น สตรีเหล็ก มือกลองวงร็อก

7 ต.ค. 68
12:39 น.
แชร์

สื่อท้องถิ่นญี่ปุ่น รวมถึงสื่อใหญ่ในต่างประเทศ กำลังให้ความสนใจกับชื่อของ “ซานาเอะ ทาคาอิจิ” ผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของญี่ปุ่น เนื่องจากสตรีชาวญี่ปุ่นวัย 64 ปีคนนี้ ถูกมองว่าเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปของญี่ปุ่น และจะสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นผู้นำหญิงคนแรกของดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ด้วย

การเปลี่ยนแปลงตัวนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรีคนก่อน นายชิเงรุ อิชิบะ ประกาศลาออก หลังดำรงตำแหน่งได้ไม่ถึงปี เนื่องจากรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ภายใต้การนำของนายอิชิบะ สูญเสียเสียงข้างมากในสภาสูง ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บวกกับรัฐบาลมีความอ่อนแอและประสบปัญหาในการผลักดันนโยบาย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่ประชาชนไม่พอใจกับ การแก้ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น

การลาออกจึงเป็นวิธีเปิดทางให้พรรค LDP สามารถเลือกผู้นำคนใหม่ขึ้นมา "รีเซ็ต" ภาพลักษณ์ของพรรคและเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนกลับคืนมา Spotlight รวบรวมประวัติที่น่าสนใจ และแนวคิดของผู้หญิงที่ได้รับฉายาว่าเป็น “สตรีเหล็กแห่งญี่ปุ่น”

เรื่องจริงที่ 1: อดีตมือกลองวงเฮฟวีเมทัล 

ซานาเอะ ทาคาอิจิ เคยเป็นมือกลองในวงเฮฟวีเมทัลสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ก่อนจะก้าวสู่วงการการเมืองอย่างเต็มตัว เธอเคยมีความฝันที่จะเป็นนักดนตรีร็อก มีรายงานว่า เธอเป็นที่รู้จักจากการตีกลองอย่างหนักหน่วงจนไม้กลองหักระหว่างการแสดง นอกจากเฮฟวีเมทัลแล้ว เธอยังเป็นผู้ชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์และเคยมีรถมอเตอร์ไซค์ Kawasaki Z400 รวมถึงรถยนต์ Toyota Supra ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจที่หลากหลายและไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์นักการเมืองหญิงแบบเดิม ๆ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่เธอจบการศึกษาจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยโกเบ (Kobe University) ในปี 1984 เธอได้เข้าศึกษาต่อที่สถาบันมัตสึชิตะเพื่อการบริหารและการจัดการ (Matsushita Institute of Government and Management) ซึ่งเป็นสถาบันที่บ่มเพาะผู้นำทางการเมือง 

เรื่องจริงที่ 2: คลุกวงในอเมริกา ปลุกไฟเล่นการเมือง

ในปี 1987 - 1989 เธอได้รับทุนจากสถาบันมัตสึชิตะเพื่อการบริหารและการจัดการ ไปทำงานในสำนักงานของสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ ที่สำนักงานของ ส.ส. แพทริเซีย ชโรเดอร์ จากพรรคเดโมแครต ในฐานะ Congressional Fellow หรือผู้ร่วมงาน/นักวิจัยของสภาคองเกรส ทำให้มีประสบการณ์และเข้าใจการเมืองโลกตะวันตก 

เป้าหมายหลักของเธอคือ การทำความเข้าใจว่าคนอเมริกันมองประเทศญี่ปุ่นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ความขัดแย้งทางการค้าทวีความรุนแรง เธอสังเกตเห็นว่า ชาวอเมริกันมักสับสนระหว่างญี่ปุ่น จีน และเกาหลี ทำให้ญี่ปุ่นมักถูกเหมารวมกับประเทศเพื่อนบ้าน และเธอกล่าวว่าสิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกว่า "ตราบใดที่ญี่ปุ่นไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ ชะตากรรมของประเทศก็จะขึ้นอยู่กับความคิดเห็นตื้น ๆ ของสหรัฐฯ เสมอ"

ประสบการณ์ในครั้งนั้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่หล่อหลอมแนวคิดทางการเมือง และผลักดันให้เธอตัดสินใจเข้าสู่เวทีการเมืองญี่ปุ่นอย่างเต็มตัว หลังจากกลับมาญี่ปุ่นในปี 1989 เธอได้ใช้ความรู้ที่ได้มาทำงานเป็นนักวิเคราะห์ด้านนิติบัญญัติ และเขียนหนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์ของเธอในสภาคองเกรส ก่อนจะเข้าสู่วงการสื่อมวลชน

เธอทำงานเป็นผู้ประกาศข่าว ทางสถานีโทรทัศน์ ทีวีอาซาฮี (TV Asahi) และเป็นพิธีกรร่วมในรายการชื่อ "Kodawari TV Pre-Stage" ที่มีชื่อเสียงจากการวิเคราะห์ข่าวการเมือง การมีพื้นฐานด้านสื่อสารมวลชนนี้ช่วยให้ทาคาอิจิมีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์สถานการณ์ และนำความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับนโยบายและการเมืองสหรัฐฯ มาใช้ในการวิเคราะห์รายการ ซึ่งเป็นทักษะที่นำไปใช้ในอาชีพการเมืองของเธอได้อย่างดีเยี่ยมในภายหลัง

เรื่องจริงที่ 3: เจ้าของฉายา “สตรีเหล็กแห่งญี่ปุ่น”

ปี 1992 ซานาเอะ ทาคาอิจิ สมัครรับเลือกตั้งครั้งแรกในฐานะผู้สมัครอิสระแต่พ่ายแพ้ จนปีถัดไป เธอชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากจังหวัดนาราครั้งแรกในปี 1993 แม้จะเริ่มเข้าวงการภายใต้พรรคการเมืองอื่น แต่ในปี 1996 ได้ย้ายเข้าสู่พรรค LDP พร้อมเข้าร่วมกลุ่มการเมืองของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ทำให้เธอเป็นหนึ่งในนักการเมืองหญิงคนสนิทและเป็นผู้ที่อาเบะให้การสนับสนุน 

ก่อนหน้านี้ เธอเคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งในรัฐบาล เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสาร ซึ่งเป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งนี้ยาวนานที่สุด และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจในปี 2022-2024

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จากการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในปี 2025 นี้ ซานาเอะ ทาคาอิจิชนะการเลือกตั้งรอบสองด้วยคะแนนเสียง 185 คะแนน เอาชนะคู่แข่งอย่าง ชินจิโร โคอิซูมิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร หนุ่มไฟแรงวัย 44 ปี ตัวเต็งที่ถูกจับตาว่าอาจเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนต่อไป เขาได้โหวต 156 คะแนน ทิ้งห่างกันเกือบ 30 คะแนน ทำให้ทาคาอิจิมีแนวโน้มเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของญี่ปุ่น

ชัยชนะในครั้งนี้ ตอกย้ำฉายา “สตรีเหล็กแห่งญี่ปุ่น” (Japan's Iron Lady) ที่เธอได้รับเป็นอย่างดี โดยเหตุผลหลักที่ชาวญี่ปุ่นเรียกเธอเช่นนี้ เป็นเพราะเธอไม่ใช่ลูกหลานตระกูลนักการเมือง แต่เป็นเพียงลูกสาวของบิดาที่เป็นพนักงานบริษัทและมารดาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นับได้ว่าเกิดในตระกูลชนชั้นแรงงาน จึงถูกยกย่องว่าเป็นนักการเมืองระดับผู้นำพรรค LDP ที่ก้าวขึ้นมาโดยไม่ได้สืบทอดตำแหน่งจากครอบครัว และค่อนข้างหายากในการเมืองญี่ปุ่น 

นอกจากนี้ ลักษณะของเธอยังคล้ายคลึงกับมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นบุคคลที่ทาคาอิจิชื่นชมและยึดเป็นแบบอย่าง 

เรื่องจริงที่ 4: ถอดแบบทรัมป์ ชูแนวคิด “ญี่ปุ่นต้องมาก่อน”

สำหรับแนวคิดด้านการบริหารประเทศของว่าที่ผู้นำหญิงคนแรกของญี่ปุ่น สื่อมวลชนหลายสำนักมองว่าเธอ มีจุดยืนที่แข็งกร้าวแบบ “สายเหยี่ยว” เน้นการป้องกันประเทศและเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม เพราะก่อนหน้านี้ เธอแสดงออกถึงความเป็นชาตินิยมด้วยการเยือน ศาลเจ้ายาสุกุนิ (Yasukuni Shrine) อยู่เป็นประจำ ซึ่งเป็นสถานที่รำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงครามของญี่ปุ่น รวมถึงอาชญากรสงครามบางคน ทำให้จุดยืนนี้สร้างความตึงเครียดกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีนและเกาหลีใต้

แน่นอนว่านโยบายต่างประเทศของเธอมีความแข็งกร้าวและแสดงถึงความเป็นชาตินิยมไม่แพ้กัน ซึ่งเธอชูแนวคิด "ญี่ปุ่นต้องมาก่อน" (Japan First) มุ่งเน้นการปกป้องผลประโยชน์ของชาติญี่ปุ่นเป็นอันดับแรกในทุกมิติ ในระหว่างการหาเสียงผู้นำพรรค LDP เธอเคยกล่าวสั้น ๆ แต่ทรงพลังว่า "ญี่ปุ่นกลับมาแล้ว! (Japan is Back!)" ซึ่งสื่อถึงความมุ่งมั่นที่จะนำพาญี่ปุ่นกลับมายืนหยัดอย่างเข้มแข็งและกล้าแสดงออกบนเวทีโลก

แนวคิดแบบเดียวกับทรัมป์เช่นนี้ ทำให้การเมืองสองชาติพันธมิตรอันแนบแน่น ระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง โดยทาคาอิจิยืนยันว่า พร้อมที่จะเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่ กับสหรัฐฯ หากพบว่าข้อตกลงใด ๆ "มีองค์ประกอบที่ทำลายผลประโยชน์ของชาติญี่ปุ่น"

ที่สำคัญ เธอยังสนับสนุนการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยใช้แนวทาง "อาเบะโนมิกส์" (Abenomics) เป็นยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่ ชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นำมาใช้ตั้งแต่ปี 2012 เพื่อต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซามายาวนาน โดยในการนำกลับมาใช้ใหม่ครั้งนี้ นโยบายจะเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้จ่ายภาครัฐสูงและอัตราดอกเบี้ยต่ำ จำกัดการลงทุนจากต่างชาติในกิจการที่มีความอ่อนไหว และการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยีสำคัญ เช่น เซมิคอนดักเตอร์

เรื่องจริงที่ 5: ผู้นำหญิงที่อาจไม่หนุน ‘โลกเสรี’

ซานาเอะ ทาคาอิจิ เป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดด้านสังคมที่เป็นสายอนุรักษนิยมอย่างแข็งกร้าว แม้ว่าชัยชนะของเธอจะเป็นหลักชัยทางประวัติศาสตร์ในฐานะผู้นำหญิงคนแรกของญี่ปุ่น แต่เธอไม่ได้ถูกมองว่าเป็นผู้บุกเบิกในด้านสิทธิสตรีตามความคาดหวังทั่วไป แนวคิดอนุรักษ์นิยมของเธอถูกมองว่า มุ่งเน้นการรักษา คุณค่าครอบครัวแบบดั้งเดิม และ ขนบธรรมเนียมญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนผ่านการต่อต้านการปฏิรูปสังคมหลายเรื่อง

เธอเป็นผู้คัดค้านอย่างเปิดเผยต่อ “การใช้นามสกุลแยกกันสำหรับคู่สมรส” เนื่องจากมีกระแสขอแก้ไขกฎหมายแพ่ง ที่กำหนดให้คู่สมรสต้องใช้นามสกุลเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภรรยาที่ต้องเปลี่ยนไปใช้นามสกุลสามี เธอให้เหตุผลว่าการอนุญาตให้นามสกุลแยกกันอาจทำลายโครงสร้างทางสังคมบนพื้นฐานของครอบครัว

นอกจากนี้ เธอยังคัดค้านการสมรสของคนเพศเดียวกัน (Same-sex Marriage) และสนับสนุนการสืบราชสมบัติเฉพาะบุรุษ ตามสายตระกูลจักรพรรดิ (Patrilineal Imperial Succession) เท่านั้น โดยคัดค้านแนวคิดการอนุญาตให้สตรีขึ้นครองบัลลังก์ของญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีจุดยืนอนุรักษนิยม แต่ทาคาอิจิก็ให้คำมั่นที่จะส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจและการเมืองของผู้หญิง ในระหว่างการหาเสียง เธอให้คำมั่นสัญญาว่า จะปรับปรุงความสมดุลทางเพศในคณะรัฐมนตรีเพื่อเพิ่มตัวแทนสตรีในตำแหน่งผู้นำ เนื่องจากญี่ปุ่นมีสัดส่วนสตรีในรัฐสภาค่อนข้างต่ำ รวมถึงสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับการดูแล สุขภาพสตรีและการรักษาภาวะมีบุตรยาก (Fertility treatment) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย "Womenomics" ของชินโซ อาเบะ ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมบทบาททางเศรษฐกิจของผู้หญิงเพื่อแก้ไขวิกฤตประชากรขาดแคลน


แชร์
5 เรื่องจริงว่าที่นายกฯ หญิงคนแรกของญี่ปุ่น สตรีเหล็ก มือกลองวงร็อก