24 กันยายน 2568 สำนักข่าว Al Jazeera รายงานว่า มีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 12 คน ในนั้นมีผู้หญิง 7 คน และเด็ก 2 คน ถูกสังหารจากการโจมตีสนามกีฬา ที่ถูกใช้เป็นที่อาศัยของผู้พลัดถิ่นในค่ายลี้ภัยนูเซรัตในกาซา
ส่งผลทำให้นับจนถึงเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา อิสราเอลโจมตีกาซาอย่างหนัก ทำให้ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 85 คนเสียชีวิต
แม้ว่าผู้นำทั่วโลกจากการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติจะเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการโจมตีในกาซา แต่การโจมตียังปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สนามกีฬาอัล-อาห์ลีได้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นที่หลบภัยของชาวปาเลสไตน์ กลายเป็นทุ่งสังหารโดยปริยาย
สหประชาชาติเตือนว่า กองทัพอิสราเอลกำลัง "สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวปาเลสไตน์ในเมืองกาซาและบังคับให้ผู้คนนับหมื่นต้องอพยพ" เอียล ซามีร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทหารของอิสราเอล อ้างว่าชาวปาเลสไตน์ถูกผลักดันลงใต้ "เพื่อความปลอดภัยของพวกเขา"
ซามีร์ยังกล่าวต่อว่า “ประชากรชาวกาซาส่วนใหญ่ออกจากกาซาซิตีไปแล้ว และกองทัพจะรุกคืบเข้าสู่ศูนย์กลางเมืองใหญ่ที่สุดในพื้นที่นี้อย่างเป็นระบบและเต็มที่”
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สืบสวนสหประชาชาติชี้ว่า การเดินทางลงใต้เพื่อความปลอดภัยนั้นไม่เป็นความจริง คณะสืบสวนชี้ว่า การกระทำของอิสราเอลพุ่งเป้าครอบครองกาซาอย่างถาวร และวางรากฐานให้แน่นอนว่า ชาวยิวจะเป็นผู้ครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในเวสต์แบงก์และอิสราเอล
นาจวา หญิงผู้พลัดถิ่นจากกาซาซิตีให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว Al Jazeera ถึงสถานการณ์ความรุนแรงในฉนวนกาซา
“ของที่ฉันมีทั้งหมดก็แค่ที่อยู่ในมือนี่ ฉันไม่เหลืออะไรเลย [...] เรากลัวกันมาก ค่าเดินทางแพงมาก เราจ่ายค่าขนของมาไม่ไหว”
ตั้งแต่สงครามเริ่มต้นเมื่อเดือนตุลาคมปี 2566 มีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 65,419 คนถูกสังหาร และอีก 167,160 คนได้รับบาดเจ็บ และอีกหลายพันถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
จากการประชุม UNGA ที่นิวยอร์ก ผู้นำนานาประเทศ อาทิ อิหร่าน ซีเรีย และนอร์เวย์ เรียกร้องให้ยุติสงครามในกาซาทันที และชี้ว่าสิ่งที่อิสราเอลทำนั้นขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน
ที่มา: Al Jazeera