รัสเซียโจมตีครั้งใหญ่ ถล่มอาคารรัฐบาลยูเครน
รัสเซียเปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในสงครามยูเครนเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2568 โดยส่งโดรนพิฆาตกว่า 800 ลำโจมตีอาคารรัฐบาลในกรุงเคียฟเป็นครั้งแรก ซึ่งอาคารนี้อยู่ในเขตรัฐบาลของเคียฟ ติดกับรัฐสภา และอยู่ใกล้กับสำนักงานประธานาธิบดี ภาพความเสียหายของอาคารสร้างความสนใจจากทั่วโลก ขณะนี้ หน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งดับเพลิงที่เผาไหม้อาคารดังกล่าว
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน โพสต์ผ่าน X ว่า มีผู้เสียชีวิตรวม 4 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 44 คน นอกจากนี้ ยังออกมาแถลงว่า การโจมตีในครั้งนี้เป็น “สิ่งที่ชั่วร้าย” และการสังหารเกิดขึ้นในขณะที่รัสเซียและยูเครนสามารถใช้การทูตแก้ปัญหาได้ตั้งนานแล้ว รัสเซียจงใจก่ออาชญากรรมและต้องการยืดเยื้อสงคราม
รัฐบาลกรุงเคียฟออกมาเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าว มีทารกรวมอยู่ด้วย เนื่องจากอาคารที่พักอาศัยหลายแห่งในเมืองหลวงถูกโจมตีด้วยเช่นกัน ซึ่งประชาชนต้องอยู่ท่ามกลางเสียงไซเรนเตือนภัยการโจมตีเป็นเวลายาวนานถึง 11 ชั่วโมง
กองทัพอากาศยูเครนระบุว่า กองกำลังมอสโกได้ยิงโดรนรวม 810 ลำ ขีปนาวุธทิ้งตัว 4 ลูก และขีปนาวุธร่อน 9 ลูก กองทัพอากาศระบุว่า แม้ว่าส่วนใหญ่จะถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศยิงตก แต่โดรน 54 ลำและขีปนาวุธ 9 ลูก ได้ถล่มอาคารรัฐบาลและที่พักของพลเรือนได้สำเร็จ นับเป็นการโจมตีของรัสเซียที่รุนแรงที่สุด ตั้งแต่สงครามระหว่างสองประเทศปะทุเดือนในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022
ชาวบ้านต่างตกใจกับการโจมตีครั้งนี้ โดยบางคนบอกกับ CNN ว่า นี่เป็นการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของสงคราม ยูเลีย ชาวยูเครนในกรุงเคียฟเล่าว่า เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังก้องอยู่ในหูขณะที่อาคารของเธอสั่นสะเทือน เธอกล่าวว่า “ทุกคนรู้สึกเหมือนกัน ทุกคนกำลังสั่นไหว ทุกคนหวังว่ามันจะผ่านไปโดยไม่โดนโจมตี เราไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว นอกจากความโกรธ”
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา แสดงความผิดหวังต่อรัสเซีย หลังจากที่มอสโกโจมตีทางอากาศต่อยูเครนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ขณะที่รัฐบาลของเขากำลังเสนอมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อ "ทำลาย" เศรษฐกิจของรัสเซีย
ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ หลังจากที่รัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธและโดรนครั้งใหญ่ที่สุด โดยเขากล่าวว่าเขาไม่พอใจกับสถานการณ์โดยรวม ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ฐานทัพร่วมแอนดรูว์สในรัฐแมริแลนด์ว่า “มันเป็นการสูญเสียชีวิตมนุษย์ที่ผิดมหันต์ ผมไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่น บอกเลย!”
เมื่อถูกถามที่ทำเนียบขาวว่าเขาพร้อมที่จะเข้าสู่ “ระยะที่สอง” ของการคว่ำบาตรหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า “ใช่ ผมพร้อม” โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ด้านคีธ เคลล็อกก์ ทูตพิเศษของรัฐบาลทรัมป์ประจำยูเครนและรัสเซีย กล่าวในเวลาต่อมา โดยระบุว่า ดูเหมือนว่ารัฐบาลมอสโกจะกำลังยกระดับสงคราม และเสริมว่าการโจมตีเคียฟ "ไม่ใช่สัญญาณว่ารัสเซียต้องการยุติสงครามนี้ด้วยการทูต"
ในการให้สัมภาษณ์กับ NBC News ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนต์ กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดยิ่งขึ้น รวมถึงมาตรการลงโทษผู้ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย และส่งผลให้ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน เข้าร่วมโต๊ะเจรจา ซึ่งนายเบสเซนต์กล่าวว่า “เราพร้อมที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย แต่เราต้องการให้พันธมิตรในยุโรปของเราทำตามเรา”
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “หากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปสามารถเข้ามาดำเนินการคว่ำบาตรเพิ่มเติม รวมถึงเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เศรษฐกิจของรัสเซียจะล่มสลายโดยสิ้นเชิง”
อย่างไรก็ตาม ผู้นำยุโรปได้ออกมาเคลื่อนไหวแล้ว หลังการโจมตีครั้งล่าสุดของรัสเซีย ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ประณามการโจมตีครั้งนี้ โดยกล่าวในโพสต์บน X ว่า รัสเซีย "กำลังจมดิ่งลงสู่ตรรกะของสงครามและการก่อการร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ " พร้อมให้คำมั่นว่า ฝรั่งเศสจะให้การสนับสนุนยูเครน และจะดำเนินการทุกอย่างต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าสันติภาพที่ยุติธรรมและยั่งยืนจะเกิดขึ้น
เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า “เครมลินกำลังแสดงความไม่เคารพต่อการทูต ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และสังหารผู้คนอย่างไม่เลือกหน้าอีกครั้ง” เธอโพสต์ผ่าน X ระบุว่า ยุโรปจะสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่ ยุโรปจะเสริมกำลังกองทัพให้ยูเครน สร้างหลักประกันความปลอดภัยที่ยั่งยืน และเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย