จีน รัสเซีย และปากีสถานเรียกร้องการหยุดยิงในตะวันออกกลางทันที ระหว่างการประชุมด่วนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council หรือ UNSC) ที่จัดขึ้นวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2568 หลังสหรัฐฯ ถล่มฐานอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าข้อเสนอดังกล่าวจะจัดการลงคะแนนเมื่อไหร่
จีน รัสเซีย และปากีสถานเผยแพร่ข้อเสนอดังกล่าวแล้ว และขอให้ประเทศสมาชิกแสดงความคิดเห็นภายในช่วงค่ำวันนี้ (วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน 2568) ข้อเสนอจะผ่าน ต้องได้รับการโหวตเห็นชอบ 9 เสียง และไม่มีการโหวตคัดค้านจาก สหรัฐฯ ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร รัสเซีย หรือจีน จึงจะผ่านได้
สำนักข่าวต่างประเทศ Reuters คาดการณ์ว่า สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะลงคะแนนคัดค้านข้อเสนอหยุดยิงนี้ เนื่องจากร่างมติหยุดยิงประณามการโจมตีฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน แม้จะไม่ได้ระบุชื่อสหรัฐฯ หรืออิสราเอลอย่างตรงไปตรงมาก็ตามที
จีนและรัสเซียแสดงจุดยืนเคียงข้างกัน ต่อต้านความขัดแย้งในตะวันออกกลางมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ได้สนทนาทางโทรศัพท์ เรียกร้องให้ประเทศ “มหาอำนาจ” ช่วยลดระดับความรุนแรง ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นการส่งสารทางอ้อมถึงสหรัฐฯ และยังประณามการกระทำของอิสราเอลผ่านบทสนทนาทางโทรศัพท์ครั้งนั้น
แหล่งข่าวกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า สี จิ้นผิง พูดว่า “ประชาคมนานาชาติ โดยเฉพาะเหล่ามหาอำนาจที่มีอิทธิพลเป็นพิเศษต่อประเทศที่มีความขัดแย้ง ควรพยายามลดระดับความรุนแรงสถานการณ์นี้ ไม่ใช่ทำตรงกันข้าม”
“ผู้มีส่วนร่วมกับความขัดแย้ง โดยเฉพาะอิสราเอลควรหยุดยิงให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลาย และหลีกเลี่ยงไม่ให้สงครามลุกลามอย่างเด็ดขาด” สี กล่าวกับปูติน
รัฐบาลรัสเซียกล่าวว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันว่า ความขัดแย้งเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการดำเนินการทางการทหาร แต่ควรดำเนินการผ่านวิธีการทางการเมืองและการทูต
“(ปูติน) ยืนยันความพร้อมของรัสเซียที่จะดำเนินการไกล่เกลี่ยหากจำเป็น ผู้นำจีนเองก็แสดงออกว่าสนับสนุนวิธีการนี้ คาดว่าจะนำไปสู่การลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์ที่ตอนนี้ตึงเครียดอย่างที่สุด”
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวถึงผลการโจมตีของสหรัฐฯ ในอิหร่าน
“การที่สหรัฐฯ ระเบิดโรงงานนิวเคลียร์ในอิหร่านทำให้เกิดจุดเปลี่ยนอันตรายในภูมิภาคนี้ ทั้งที่สถานการณ์ก็ผันผวนมากอยู่แล้ว… ตอนนี้เราเสี่ยงที่จะตกลงในหลุมลึกของการตอบโต้กันไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“เราต้องลงมือเลย ลงมือทันทีและแน่วแน่ เพื่อหยุดการต่อสู้ และหันกลับมาสู่การเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่จริงจังและยั่งยืน” กูเตอร์เรสกล่าว
การประชุมด่วนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาจัดขึ้นตามข้อเรียกร้องของอิหร่าน ที่เรียกร้องให้ประเทศสมาชิก UNSC ทั้ง 15 ประเทศ “จัดการกับการกระทำอันก้าวร้าวอย่างโจ่งแจ้งและผิดกฎหมายครั้งนี้ และขอให้ประณามการกระทำดังกล่าวอย่างรุนแรงที่สุด” อามีร์-ซาอีด อีราวานี ผู้แทนอิหร่านประจำ UNSC กล่าวประณามสหรัฐฯ
“เป็นอีกครั้งแล้วที่สหรัฐฯ ผู้เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ใช้กำลังผิดกฎหมาย สร้างสงครามกับประเทศของข้าพเจ้า ด้วยข้ออ้างที่กุขึ้นมาและไร้สาระ คือป้องกันไม่ให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์”
ผู้แทนจากจีน ฟู่ ชง ประณามการโจมตีของสหรัฐฯ อย่างรุนแรง และเรียกร้องให้มีการ “หยุดยิงทันที” เนื่องจากการกระทำดังกล่าว “ละเมิดวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง”
ด้านแดนนี ดานอน ผู้แทนอิสราเอลกล่าวว่า “สหรัฐฯ และอิสราเอลไม่สมควรถูกประณาม แต่ควรได้รับการชื่นชมและขอบคุณที่ทำให้โลกเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยขึ้นมากกว่า”
โดโรธี เชีย ผู้แทนจากสหรัฐฯ ปกป้องการดำเนินการทางทหารครั้งนี้ของประเทศตน กล่าวว่า การโจมตีเป็นสิ่งจำเป็น และเตือนว่า หากอิหร่านโจมตีกลับ กอกกำลังสหรัฐฯ จะ “ตอบโต้อย่างรุนแรง”
อย่างไรก็ตาม บทนาทนาระหว่างสีและปูตินดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะต่อมาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2568 สหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการทางการทหารในชื่อ Midnight Hammer โจมตีฐานนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่าน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 จำนวน 7 ลำ และการใช้ระเบิดเจาะบังเกอร์น้ำหนัก 30,000 ปอนด์
การโจมตีอิหร่านจากฝั่งอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 865 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกราว 3,369 คน อ้างอิงตามข้อมูลกลุ่มนักสิทธิมนุษยชนในวอชิงตัน
ราฟาเอล กรอสซี หัวหน้าหน่วยงานตรวจสอบด้านนิวเคลียร์ (UN nuclear watchdog) กล่าวถึงความเสียหายต่อฐานนิวเคลียร์ของอิหร่านกับ UNSC
“ไม่มีใคร แม้แต่ IAEA สามารถประเมินความเสียหายได้เลย” เขากล่าว แม้ว่าจะสามารถมองเห็นหลุมขนาดใหญ่บนดิน บนเขาฟอร์โดว์
“อิหร่านบอกกับ IAEA ว่า ระดับของรังสีไม่มีการเพิ่มระดับขึ้นบริเวณนอกฐานนิวเคลียร์ทั้ง 3 ฐาน” กรอสซี เป็นหัวหน้าสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าจะ “ลบ” ฐานทัพนิวเคลียร์ในกรุงเตหะรานของอิหร่านออกไปเสีย การที่สหรัฐฯ เข้าร่วมกับอิสราเอลในครั้งนี้เป็นการดำเนินการทางทหารของโลกตะวันตกต่อรัฐอิสลามครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่การปฏิวัติปี 1979
ทั้งโลกกำลังตั้งตารอว่า อิหร่านจะตอบโต้คำขู่นี้ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไร
อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกำลังเผชิญกับความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดต่ออำนาจการนำของเขา หลังสหรัฐฯ โจมตีด้วยปฏิบัติการ Midnight Hammer
นักวิเคราะห์คาริม ซัดจัดปูร์ จากมูลนิธิคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ กล่าวกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าว CNN ถึงความเสี่ยงการรับมือสถานการณ์ตึงเครียดของผู้นำสูงวัยแห่งอิหร่าน
“เขาอยู่ในบังเกอร์ เขาอายุ 86 ปีแล้ว เขามีข้อจำกัดทั้งด้านร่างกายและการรับรู้ บรรดาผู้บัญชาการทหารระดับสูงของเขาส่วนใหญ่ถูกลอบสังหาร เขาไม่สามารถควบคุมห้วงน่านฟ้าของตัวเองได้ เพราะอิสราเอลเป็นฝ่ายควบคุมอยู่” เขากล่าว “และที่สำคัญคือ ไม่มีทางออกจากสงครามนี้ เขาไม่มีทางชนะสงครามนี้ได้ เขาเสียเปรียบทั้งด้านกำลังทหาร การเงิน และเทคโนโลยี”
ทรัมป์ปฏิเสธแผนการของอิสราเอลที่จะฆ่าคาเมเนอี แต่ก็กล่าวว่าเขาเป็น “เป้าหมายง่าย ๆ ” เมื่อสัปดาห์ก่อน
ที่มา: Frace24, CNN (1), CNN (2), SCMP, BreakingDefense