ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับวิกฤตค่าครองชีพครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษซึ่งส่งผลกระทบต่ออาหารหลักที่ผู้คนจำเป็นต้องใช้บริโภค โดยเฉพาะสินค้าเกษตรอย่างข้าว ที่ราคาพุ่งสูงขึ้นสองเท่าในปีที่แล้ว รวมถึงอัตราการนำเข้าข้าวมาทดแทนก็ลดลงเรื่อย ๆ จนประชาชนกังวลว่าอาจไม่เพียงพอ แต่ทาคุ เอโตะ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของญี่ปุ่น กลับโดนประชาชนโกรธแค้นอย่างหนัก เพราะเขาดันเล่นมุกตลกเรื่องปากท้อง ที่ชาวญี่ปุ่นไม่ขำด้วย รัฐมนตรีคนนี้พูดอะไร และเกิดอะไรขึ้นกับค่าครองชีพของญี่ปุ่น
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (18 พ.ค. 68) ในระหว่างการร่วมงานระดมทุนให้สินค้าเกษตรและเกษตรกรท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ นักข่าวจ่อไมค์สัมภาษณ์รัฐมนตรีทาคุ เอโตะ ประจำกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง เกี่ยวกับประเด็นราคาข้าวในญี่ปุ่นที่พุ่งสูงขึ้นถึงสองเท่า เขากลับเริ่มการตอบคำถามด้วมุกตลกว่า “เขาไม่เคยต้องซื้อข้าวเลย เพราะเขาได้รับข้าวสารเป็นจำนวนมากเป็นของขวัญจากผู้สนับสนุน”
แต่ดูเหมือนว่าชาวบ้านที่กำลังต่อสู้กับภาวะข้าวยากหมากแพง จะไม่ขำกับคำพูดนี้ แถมยังรู้สึกโกรธแค้นที่ผู้นำที่มีหน้าที่ในการจัดการราคาสินค้าเกษตรโดยตรง ซึ่งทำงานล้มเหลวอยู่แล้ว ยังจะมาใช้คำพูดไม่เหมาะสมอีก ด้านประชาชนส่งเสียงค่อนแคะผ่านสื่อในประเทศ เมโมริ ฮิงูจิ วัย 31 ปี บ่นว่า นักการเมืองไม่ไปซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของชำ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจจริง ๆ
จากเสียงบ่นของประชาชนสู่เวทีการเมือง เมื่อพรรคฝ่ายค้านในรัฐบาลญี่ปุ่นออกมาโจมตีรัฐมนตรีคนนี้ และขู่จะลงมติไม่ไว้วางใจเขา จนท้ายที่สุด รัฐมนตรีทาคุ เอโตะตัดสินใจประกาศลาออกจากตำแหน่ง เขากล่าวว่า ผมถามตัวเองว่าเหมาะสมหรือไม่ที่จะยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้ากระทรวงเกษตรในช่วงเวลาที่ราคาข้าวผันผวน และผมก็สรุปได้แล้วว่าผมไม่มีความเหมาะสม พร้อมกล่าวขอโทษอย่างตรงไปตรงมาว่า ต้องขออภัยอีกครั้ง ที่ได้แสดงความคิดเห็นไม่เหมาะสมอย่างยิ่งในฐานะรัฐมนตรี ขณะที่ประชาชนต้องดิ้นรนกับราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้น
NHK รายงานว่า อดีตรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อม โคอิซูมิ ชินจิโร จะเข้ามาสืบทอดตำแหน่งต่อจากนายเอโตะ อย่างไรก็ตาม การลาออกของเขาเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ แห่งญี่ปุ่น กำลังเผชิญกับคะแนนนิยมที่ค่อนข้างต่ำ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งสภาสูงในช่วงฤดูร้อนนี้ และการเจรจาด้านภาษีศุลกากรที่กำลังดำเนินอยู่กับสหรัฐฯ ในปัจจุบัน
ผลสำรวจของสำนักข่าว Kyodo News เปิดเผยว่า คะแนนนิยมคณะรัฐมนตรีของนายอิชิบะลดลงเหลือ27.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากผู้มีสิทธิออกเสียงมีความไม่พอใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กับการที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้นและการปฏิเสธการลดภาษีการบริโภคเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมีนาคม แม้ว่าตัวเลขจะต่ำกว่า 3.7% ที่เห็นในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ก็ยังคงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น
แม้ว่ากระทรวงเกษตรของญี่ปุ่นพยายามควบคุมราคาที่พุ่งสูงขึ้นโดยการปล่อยสต็อกสินค้าของรัฐบาลแต่การดำเนินการดังกล่าวแทบไม่ได้ผลในการควบคุมราคาเลย ราคาข้าวในซูเปอร์มาร์เก็ตประมาณ 1,000 แห่งทั่วประเทศพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 11 พฤษภาคม โดยราคาข้าวถุงขนาด 5 กิโลกรัมพุ่งขึ้น 54 เยน หรือประมาณ 12 บาทกว่า เมื่อเทียบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ ล่าสุดราคาข้าวต่อ 5 กิโลกรัมเป็น 4,268 เยน หรือประมาณ 970 บาท
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯระบุในรายงานเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า หลังจากที่ญี่ปุ่นประสบปัญหาขาดแคลนข้าวและราคาข้าวที่สูงขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี 2024 ราคาข้าวก็ยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีพืชผลในประเทศใหม่และการนำเข้าในปริมาณมากเป็นประวัติการณ์
นายเฟรเดอริก นอยมันน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียของ HSBC กล่าวว่า ราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้น สะท้อนถึงผลกระทบจากการเก็บเกี่ยวที่ไม่ดีในปีที่แล้ว เนื่องมาจากข้าวในญี่ปุ่นส่วนใหญ่ผลิตโดยผู้สูงอายุที่ทำไร่ขนาดเล็ก ด้านซายูริ ชิไร ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ในคณะการจัดการนโยบายของมหาวิทยาลัยเคโอ กล่าวว่าจำนวนเกษตรกรก็ลดลงด้วยเช่นกันเมื่อประชากรสูงอายุมากขึ้น ขณะที่ญี่ปุ่นเองก็ต้องเผชิญกับภาวะโลกร้อนและวิกฤตการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดน้อยลงอย่างมาก
นอกจากนี้ กฎหมายประกันราคาข้าวท้องถิ่น ซึ่งนับเป็นการสนับสนุนเกษตรกร ยังทำให้ราคาข้าวยิ่งพุ่งสูงขึ้น บวกกับพฤติกรรมและแนวคิดของคนญี่ปุ่นที่นิยมบริโภคสินค้าที่ผลิตในประเทศ ว่ามีคถณภาพสูงกว่าสินค้านำเข้า ยิ่งทำให้อุปทานและอุปสงค์ของข้าวในฐี่ปุ่นยิ่งแปรผกผันกันเข้าไปอีก
ทาคูจิ โอคุโบะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Japan Macro Adviser กล่าวว่า การที่ราคาข้าวพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มีสาเหตุมาจากการกักตุนข้าวของครัวเรือนและธุรกิจด้วยความตื่นตระหนกเป็นส่วนหนึ่งด้วย ในขณะที่ผู้ค้าปลีกบางรายประกาศแผนการนำเข้าข้าวแต่ความไม่คุ้นเคยกับข้าวที่นำเข้าทั้งในหมู่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจทำให้ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่การนำเข้าข้าวจะมาช่วยแก้ปัญหาได้อย่างถาวร