กฎหมายสมรสเท่าเทียมได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว นับเป็นก้าวสำคัญที่ไม่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงชีวิตของคู่รักเพศเดียวกัน แต่ยังเป็นการยกระดับสังคมไทยสู่ความเท่าเทียมและการยอมรับความหลากหลายอย่างแท้จริง
กฎหมายสมรสเท่าเทียม ประกาศราชกิจจานุเบกษามีผลบังคับใช้ ม.ค. 68
การประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ถือเป็นข่าวดีที่สร้างความยินดีให้กับคู่รักทุกเพศสภาพทั่วประเทศ เนื่องจากกฎหมายนี้เปิดโอกาสให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้รับสิทธิ หน้าที่ และสถานะทางครอบครัวเทียบเท่ากับคู่สมรสชายหญิง
รวมถึงสิทธิในการรับมรดก สิทธิในการตัดสินใจทางการแพทย์แทนคู่สมรส สิทธิในการยื่นขอวีซ่าคู่สมรส หรือแม้แต่สิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน นี่เป็นการยกระดับความเท่าเทียมและการยอมรับความหลากหลายทางเพศในสังคมไทยอย่างมีนัยสำคัญ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความมั่นคงทางกฎหมายให้กับคู่รักเพศเดียวกัน มีผลบังคับใช้ภายใน 120 วันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
สรุปสาระสำคัญของกฎหมายนี้คือ
- การอนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรส: มีการแก้ไขกฎหมายให้คำนิยาม "การสมรส" ครอบคลุมถึงคู่รักทุกเพศสภาพ ไม่จำกัดเพียงแค่ชายและหญิง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สะท้อนถึงการยอมรับความหลากหลายทางเพศในสังคม
- การรับรองสิทธิและหน้าที่ที่เท่าเทียม: คู่สมรสเพศเดียวกันจะมีสิทธิและหน้าที่เทียบเท่ากับคู่สมรสต่างเพศทุกประการ เช่น สิทธิในการจัดการทรัพย์สินร่วมกัน สิทธิในการรับมรดกจากคู่สมรส สิทธิในการตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของคู่สมรส และสิทธิในการยื่นขอสัญชาติหรือวีซ่าคู่สมรส นอกจากนี้ ยังรวมถึงสิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน ซึ่งเป็นสิทธิที่สำคัญในการสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์
- การใช้ภาษาที่เป็นกลางทางเพศ: มีการปรับปรุงถ้อยคำในกฎหมายให้มีความเหมาะสมและเป็นกลางทางเพศมากขึ้น เช่น เปลี่ยนจาก "สามีภริยา" เป็น "คู่สมรส" หรือเปลี่ยนจาก "บิดามารดา" เป็น "ผู้ปกครอง" ซึ่งเป็นการแก้ไขที่ช่วยลดการเลือกปฏิบัติทางเพศในทางกฎหมาย
- การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการทบทวนและแก้ไขกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อให้สอดคล้องกับสิทธิ หน้าที่ และสถานะของคู่สมรสตามกฎหมายใหม่ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับภาษี กฎหมายเกี่ยวกับประกันสังคม หรือ กฎหมายเกี่ยวกับการรับราชการ
และเพื่อธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของสถาบันครอบครัว อันเป็นรากฐานสำคัญของสังคม ไม่ว่าครอบครัวนั้นจะเกิดจากการรวมตัวของบุคคลที่มีเพศสภาพใดก็ตาม เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายอื่นได้กำหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับครอบครัวหรือมรดกไว้อย่างชัดเจนแล้ว จึงมีความจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเท่าเทียมกันในสังคม
พระราชบัญญัติฉบับนี้ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้ โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับฟังข้อเสนอแนะและความเห็นชอบของรัฐสภา ที่เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจุบันที่มีความหลากหลายทางเพศสภาพ อ่านเพิ่มเติม คลิก
มีผลวันที่ 22 มกราคม 2568
แม้ว่าการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้อย่างเป็นทางการจะยังคงต้องรอไปจนถึงวันที่ 22 มกราคม 2568 แต่การประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมในครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของสังคมไทยในการมุ่งสู่ความเท่าเทียมและการเคารพในความหลากหลาย
กฎหมายนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถสร้างครอบครัวได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้สังคมไทยเป็นสังคมที่เปิดกว้าง ยอมรับความแตกต่าง และให้ความเท่าเทียมกับทุกคนอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมที่น่าอยู่สำหรับทุกคน