MOU เพื่อเยาวชน สานต่อแนวพระราชดำริ ร่วมสร้างอนาคตยั่งยืน

ภายในงาน Sustainability Expo 2025 ได้จัดพิธีลงนามความร่วมมือ (MOU) โครงการความร่วมมือเพื่อการขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชน ระยะที่ 2 และพิธีมอบทุนสนับสนุนการจัดทำโครงการสานต่อองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ ภายใต้โครงการความร่วมมือเพื่อขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชน ประจำปี 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร

โดยมีดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา พร้อมด้วยนางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และนายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อสานต่อการขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริให้แพร่หลายสู่เยาวชนทั่วประเทศ

สืบสานพระราชดำริจากห้องเรียนสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

นางสุพร นราศรี เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกล่าวถึงก้าวต่อไปของโครงการความร่วมมือเพื่อขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชน ว่า โครงการนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริไปยังเยาวชนในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้เยาวชนเหล่านั้นได้รับความรู้ที่นำไปใช้ได้จริงในการดำเนินชีวิตและการพัฒนาท้องถิ่นอย่างมั่นคงและยั่งยืน

“ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ความร่วมมือของทั้ง 4 หน่วยงานได้ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม สามารถน้อมนำแนวพระราชดำริเข้าสู่สถาบันการศึกษา ถ่ายทอดผ่านคุณครูไปยังเยาวชนอย่างเหมาะสมกับช่วงวัย สอดคล้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ และนำไปปฏิบัติได้จริง”

ด้วยผลสำเร็จดังกล่าว จึงได้ร่วมกันต่อยอดสู่ “ระยะที่ 2” ของโครงการ ซึ่งจะดำเนินงานต่อเนื่อง 3 ปี (พ.ศ. 2568–2570) เพื่อขับเคลื่อนการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการสร้างเยาวชนที่มีศักยภาพในการพัฒนาตนเองและดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน

น้อมนำพระราชดำริสู่ห้องเรียนไทย

นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)กล่าวถึงการน้อมนำองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับหลักสูตรการเรียนการสอนตามมาตรฐานตัวชี้วัดของ สพฐ.ว่า การร่วมลงนามในครั้งนี้ถือเป็นวาระสำคัญของกระทรวงศึกษาธิการที่ได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิชัยพัฒนา กปร. และไทยเบฟเวอเรจ ซึ่งเป็นภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนการศึกษาไทยมาโดยตลอด

“พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงริเริ่มโครงการตามพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเป็นแนวทางให้เยาวชนได้เรียนรู้ เข้าใจ และนำไปปฏิบัติ”

กระทรวงศึกษาธิการพร้อมน้อมนำพระราชดำริมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับหลักสูตรและมาตรฐานการเรียนรู้ของ สพฐ. โดยเน้นให้เยาวชนตระหนักและปฏิบัติได้ใน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1.เรียนรู้แนวคิดของพระองค์ท่าน 2.ปฏิบัติได้จริง 3.อยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และ 4.เข้าใจตนเองและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ทั้งหมดนี้คือ 4 ประเด็นหลักที่ทางกระทรวงศึกษาธิการพร้อมจะน้อมนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป

ไทยเบฟขยายองค์ความรู้สู่พื้นที่ห่างไกล

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการสนับสนุนการจัดทำสื่อองค์ความรู้ การผลิตสื่อและอุปกรณ์เพื่อเผยแพร่และขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ ว่า บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการเผยแพร่และขยายองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริไปสู่เยาวชนในโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล เพื่อเปิดโอกาสให้เข้าถึงองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชีวิตอย่างยั่งยืน

“ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ไทยเบฟได้สนับสนุนการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยจัด “รถนิทรรศการเคลื่อนที่ Mobile Unit” ลงพื้นที่กว่า 40 แห่ง รอบศูนย์การศึกษาพัฒนาเขาหินซ้อน และศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับนักเรียนกว่า 2,000 คน และจัดอบรมครู 150 คน ให้สามารถต่อยอดองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริในห้องเรียนได้”

ในปีนี้ไทยเบฟยังได้สนับสนุนรถนิทรรศการเคลื่อนที่เพิ่มอีก 1 คัน เพื่อใช้ขยายผลในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ตามพระราชประสงค์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มุ่งให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน

ความร่วมมือที่ต่อยอดสู่ความยั่งยืน

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวถึงการประสานความร่วมมือในการจัดทำโครงการความร่วมมือเพื่อขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชนในการขับเคลื่อนให้เป็นพลังสำคัญต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ว่า นับเป็นครั้งที่สองที่หน่วยงานได้ร่วมลงนามกัน ภายหลังจากดำเนินงานร่วมกันมา 3 ปี เพื่อขยายผลองค์ความรู้ไปสู่เยาวชนทั่วประเทศ

“วันนี้เราพูดถึง Sustainability หรือความยั่งยืน ซึ่งมีรากฐานจากสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร ทรงวางไว้ ทั้งเรื่องดิน น้ำ ป่า และพลังงาน เพราะสิ่งเหล่านี้คือปัจจัยพื้นฐานของชีวิตมนุษย์ ไม่ใช่เทคโนโลยีหรือ AI แต่คือธรรมชาติที่ต้องอนุรักษ์และฟื้นฟูให้คงอยู่”

อย่างไรก็ตามความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นพลังสำคัญในการสืบสานและขยายองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริไปสู่เยาวชนไทย เพื่อให้ “Sustainability” เป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ได้อย่างแท้จริงและยั่งยืนตลอดไป

พิธีมอบทุนโครงการสานต่อองค์ความรู้ฯ

ภายหลังพิธีลงนาม MOU ผู้แทนทั้ง 4 หน่วยงานได้ร่วมมอบทุนสนับสนุน โครงการสานต่อองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ จำนวน 20 ทุน ให้แก่โรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา พร้อมรับฟังการนำเสนอผลงานจากโรงเรียนที่เข้าร่วม

โครงการความร่วมมือเพื่อขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชน ระยะที่ 2 จะดำเนินการต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี (พ.ศ. 2568–2570) โดยมีเป้าหมายสร้างเยาวชนไทยที่มีศักยภาพในการพัฒนาตนเอง พึ่งพาตนเองได้ และดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปอย่างมั่นคง