“ส.อ.ท.”แนะรัฐใช้เวที”กรอ.พลังงาน”เร่งถกด่วนรับมือ”ดีเซล”ขยับราคาหลังทิศทางตลาดโลกส่อขยับสูงหลังตะวันออกกลางตึงเครียด ไม่ควรเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้า มั่นใจเวทีนี้เอกชน รัฐ สามารถวางแผนรับมือทั้งระยะสั้น กลาง ยาว เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า การปรับขึ้นราคาดีเซลเป็น 30.44 บาทต่อลิตร มีผล 6 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมานั้นเข้าใจได้ว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจำเป็นจะต้องปรับขึ้นตามตลาดโลกเพื่อรักษาสภาพคล่องเนื่องจากมีฐานะติดลบเกือบแสนล้านบาทซึ่งแนวทางดังกล่าวเป็นแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า รัฐบาลควรจะหารือร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.)ด้านพลังงานที่จะทำให้มีการแก้ไขอย่างบูรณาการเพราะมีภาคเอกชนและรัฐในการวางแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวอย่างเป็นระบบ

“ เวลานี้รัฐแก้ไขเฉพาะหน้าเพื่อทำให้สภาพคล่องกองทุนฯดีขึ้นประกอบกับราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกขยับสูงเมื่อที่ผ่านมากองทุนน้ำมันฯอุ้มมาเยอะ เวลานี้ประชาชนก็จะต้องมาร่วมอุ้มด้วย”นายเกรียงไกรกล่าว

นายเกรียงไกรกล่าวว่า เวทีกรอ.พลังงานนจะเป็นประโยชน์เพราะภาคเอกชนย่อมรู้ถึงผลกระทบว่าดีเซลระดับใดที่จะเหมาะที่จะไม่กระทบต่อต้นทุนสินค้าจนเกินไป ซึ่งการขึ้นครั้งนี้ยังคงไม่มีผลต่อระดับสินค้าอย่างมีนัยสำคัญ แต่ต่อไปหากขึ้นมากเรื่อยๆจะกระทบต่อค่าขนส่งที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อต้นทุนการผลิตและการส่งออกซึ่งอาจะกระทบเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้ ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)ได้เสนอตลอดแต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับ

ทั้งนี้หากดูปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ล่าสุดมีแนวโน้มที่ระดับราคาน้ำมันจะทะลุ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลหรือมีแนวโน้มปรับตัวสูงหลังเกิดความตึงเครียดในตะวันออกลางหลังอิสราเอลโจมตีกรุงดามัสกัสซึ่งจะต้องติดตามใกล้ชิดว่าอิหร่านจะทำอย่างไรและหลายฝ่ายกังวลว่าจะกลายเป็นสงครามตะวันออกกลางได้ซึ่งแน่นอนว่าหากเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นราคาน้ำมันไม่เพียงแค่ดีเซล เบนซิน เองก็จะแพงไปด้วย ดังนั้นรัฐจำเป็นจะต้องเร่งวางแผนรับมือไม่เช่นนั้นจะกระทบเศรษฐกิจภาพรวมในปี 2567

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานกล่าวยอมรับว่า ทิศทางราคาดีเซลตลาดโลกยังคงน่ากังวลท่ามกลางกองทุนน้ำมันฯเองก็มีปั ญหาสภาพคล่องเนื่องจากเหลือเงินที่ทยอยเบิกจ่ายในการดูแลเพียง 2 หมื่นล้านบาทการปรับขึ้นดีเซลเพราะราคาโลกขึ้นสูงหาต้องอุดหนุนยิ่งใช้เงินหมด อย่างไรก็ตามกระทรวงพลังงานจะบริหารราคาโดยขยับทีละ 50 สตางค์/ลิตรเพื่อลดผลกระทบ และระหว่างนี้คงจะต้องรอนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการช่วยเหลือจากรัฐบาลซึ่งรวมถึงการลดภาษีสรรพสามิต

“การปรับขึ้นราคาดีเซล 30.44 บาทต่อลิตรดังเกิดจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกยังทรงตัวระดับสูง เนื่องจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย – ยูเครน และสงครามในตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตามการดำเนินการปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในกลุ่มดีเซลนั้นจะพิจารณาตามความเหมาะสมของช่วงเวลา เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนมากนัก ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้น้ำมันดีเซล ประมาณ 71 ล้านลิตรต่อวัน”แหล่งข่าวกล่าว

สำหรับประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิ ณ วันที่ 31 มี.ค. 2567 ติดลบ 99,821 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 52,729 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม ( LPG ) ติดลบ 47,092 ล้านบาท