positioning

'การบินไทย’เร่งทบทวนโมเดลลงทุน’MRO อู่ตะเภา’ เลขาฯEEC ชี้ต่างชาติสนใจ-หวั่นช้าหวั่นทำเสียโอกาส

14 ส.ค. 66
'การบินไทย’เร่งทบทวนโมเดลลงทุน’MRO อู่ตะเภา’ เลขาฯEEC ชี้ต่างชาติสนใจ-หวั่นช้าหวั่นทำเสียโอกาส
การบินไทยดัน”ศูนย์ซ่อมMROอู่ตะเภา”เตรียมจ้างที่ปรึกษาทบทวนแผนลงทุนสรุปใน3-4เดือนเปิดโมเดลร่วมทุนพันธมิตรหรือEECลงทุนโครงสร้างแล้วเช่าดำเนินการ”เลขาฯEEC”ชี้ต่างชาติสนใจเร่งสรุปในปีนี้หวั่นช้าประเทศเสียโอกาส

นายชายเอี่ยมศิริประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชนฉ เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา(MRO)
ว่าบริษัทฯได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC)ถึงแผนการหาผู้ร่วมทุนใหม่เพื่อเร่งดำเนินการและสิทธิในการเข้าลงทุนของบริษัทฯซึ่งการลงทุนMROอู่ตะเภาอยู่ในแผนฟื้นฟูที่ได้รับความเห็นชอบแล้วโดยขณะนี้บริษัทฯเตรียมจ้างบริษัทที่ปรึกษาศึกษาแผนการลงทุนแผนธุรกิจ(Business Model )โดยจะใช้เวลาประมาณ3-4เดือนและนำเสนอขอความเห็นชอบจากกรรมการเจ้าหนี้ต่อไป
โดยรูปแบบในการลงทุนมีหลากหลาย ได้แก่ 1.การบินไทยลงทุนเอง 2. การบินไทยจับมือร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญ 3. ทาง EEC
เป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการบินไทย เช่าดำเนินงาน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ที่การศึกษาจะเหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด ส่วนพันธมิตรเดิม อย่างแอร์บัส ไม่ได้ปิดโอกาสในการกลับมาหารือเพื่อร่วมทุนอีกครั้ง ซึ่ง การบินไทยมีการหารือกับนักลงทุนหลายรายที่แสดงความสนใจที่จะเข้ามาร่วมทุนใน MRO ที่อู่ตะเภา

เบื้องต้น การเลือกผู้ร่วมทุน นั้น พาร์ทเนอร์จะต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ และมีความสามารถ ในส่วนที่การบินไทย ไม่มีประสบการณ์มาก่อน ทั้ง การบริหารแบบมืออาชีพในด้านMRO เพราะโครงการนี้ เปิดขึ้นมาเพื่อรองรับตลาดเครื่องบินจากภายนอกมากขึ้น เอกชนต้องมีฐานธุรกิจเพื่อเป็นโอกาสทำธุรกิจที่ง่ายและยั่งยืน และมีกำไรมากขึ้น

“ในด้านเงินลงทุน บริษัทฯไม่มีปัญหา แต่จะเป็นรูปแบบใด ขอดูผลศึกษาก่อน โดย ไม่ว่า การบินไทยลงทุนเอง หรือ อีอีซีลงทุนโครงสร้างฯ แนวทางที่ดีที่สุด คือต้องมีการบินไทยร่วมอยู่ใน MRO ด้วยเพราะการบินไทยมีเครื่องบินหลายสิบลำที่พร้อมเป็นฐานลูกค้าของ MRO และยืนยันว่า การบินไทย ยังต้องการเดินหน้า โดยเร็ว เพราะว่าหากยิ่งช้าโอกาสทางธุรกิจก็จะลดลงไปเรื่อย”

ตามแผนเดิม โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน ( MRO) บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท
@ เลขาฯ EEC ชี้ปีนี้ MRO ควรชัดเจน หวั่นเสียโอกาส

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) หรือEEC กล่าวว่า ขณะนี้ มีนักลงทุนต่างชาติ หลายรายให้ความสนใจ สอบถามข้อมูล โครงการ MRO และจากที่ EEC ออกไปโรดโชว์ต่างประเทศ มีผู้ประกอบการสนใจมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเอกชนที่สามารถดำเนินการได้เปิดกว้าง และมีลูกค้าในมืออยู่แล้ว เช่น นักลงทุนจาก ประเทศสหรัฐอเมริกา,ฝรั่งเศส ที่มีเทคโนโลยีด้านการบินและอุตสาหกรรมด้านอวกาศ อยู่แล้ว ที่ผ่านมามีการลงทุนเทคโนโลยีด้านการรักษาความปลอดภัยชั้นสูง โดยอีอีซีได้วนให้ขยายการลงทุนเพิ่มเติมในพื้นที่อีอีซี ในด้านระบบบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ และระบบบริหารจัดการท่าอากาศยาน

“การพัฒนา MRO มีเป้าหมายทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกซึ่งนักลงทุนรู้ดีว่า อุตสาหกรรมการบินกลับมา หลังโควิด ซึ่งในภูมิภาค ฯ มีแนวโน้มการเติบโตสูง จะเห็นได้ว่า มีการจัดหาเครื่องบินเพิ่มขึ้น

MRO จึงเป็นอู่สำหรับซ่อมบำรุงเครื่องบิน ได้ทุกประเภท ทุกยี่ห้อ”
ปัจจุบัน การบินไทย ยังอยู่ในกระบวนการฟื้นฟู ที่มีเงื่อนไขและอาจไม่พร้อมลงทุน ขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรมการบินที่กำลังฟื้นตัว เป็นช่วงเวลาที่ไทยต้องผลักดัน MRO เพราะเป็นโอกาสของประเทศที่อาจจะรอให้การบินไทยมีความพร้อมก่อนไม่ได้ เพราะหากไม่รีบคว้าโอกาส นักลงทุนรอไม่ไหวและหันไปลงทนที่ประเทศอื่น ก็เท่ากับไทยหมดโอกาสที่จะเป็นศูนย์กลางของศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานในภูมิภาคตามเป้าหมาย

“ล่าสุด การบินไทย เข้ามาหารือ อีอีซี ว่ายังสนใจที่จะดำเนินการMRO ต่อ แต่ต้องยอมรับว่า การบินไทยจะลงทุนอะไรในตอนนี้ ต้องถามผู้บริหารแผนฟื้นฟูก่อน เพราะต้องใช้เงิน 2,000-3,000 ล้านบาท การบินไทยไม่ผิด แต่ต้องมองโอกาสประเทศด้วย MRO เป็น 1 ใน 4 โครงการพื้นฐานสำคัญในการพัฒนา EEC มีพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ ให้การบินไทย จึงเป็นอีกโครงการที่ควรต้องหาสรุปที่ชัดเจนภายในปีนี้ หากยังไม่พร้อม และประเมินว่า ความล่าช้าจะทำให้ไทยสูญเสียโอกาส ก็จำเป็นต้องปรับวิธี อาจจะเปิด PPP ให้เอกชนอื่นเข้ามาลงทุน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศสูงสุด แม้ MRO จะลงทุนสูง แต่ทำเร็ว เปิดเร็ว ก็ได้เงินเร็ว และช่วยสร้างดีมานด์ ในภาพรวม”

Powered By : Positioning

advertisement

SPOTLIGHT