น้ำมันโลกทะยานไม่หยุดทำนิวไฮในรอบ 14 ปี หลังล่าสุดสหรัฐประกาศคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ตอบโต้รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน แม้รัสเซียเคยขู่อาจทำราคาพุ่งขึ้นเหนือระดับ 300 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 5% ในวันอังคาร (8 มี.ค.) หลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI)ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 4.30 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 123.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2551
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 4.77 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่ 127.98 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2551
ทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ออกแถลงการณ์ที่ทำเนียบขาวในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า สหรัฐจะระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน โดยมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้รัสเซียไม่สามารถส่งน้ำมันมายังท่าเรือสหรัฐอีกต่อไป
นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ตัดสินใจประกาศคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย แม้ว่านายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียได้ออกมาเตือนว่า ราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นเหนือระดับ 300 ดอลลาร์/บาร์เรล หากชาติตะวันตกยังคงเดินหน้าแผนการระงับนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
ด้านโกลด์แมน แซคส์ ประกาศปรับเพิ่มประมาณการขึ้นตัวเลขราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปีนี้และปีหน้า โดยระบุว่าเศรษฐกิจโลกจะเผชิญปัญหาการขนส่งน้ำมันครั้งใหญ่ที่สุด ท่ามกลางวิกฤตการณ์ในยูเครน ซึ่งส่งผลให้นานาประเทศคว่ำบาตรต่อรัสเซีย โดยคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์แตะระดับ 135 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ จากเดิมที่ระดับ 98 ดอลลาร์/บาร์เรล และจะแตะระดับ 115 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า จากเดิมที่ระดับ 105 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง 800,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว