นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ต่างมีความกังวลเรื่องการจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้น และภาษีกำไรจากการขายหุ้นนั้น ก็จะส่งต่อบรรยากาศของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ที่มีการเทขายหุ้นออกอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน พบว่า นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยสุทธิแล้วกว่า 157,170 ล้านบาท โดยวันนี้ดัชนี้หุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ดัชนีหุ้นไทย อยู่ที่ 1,471.43 จุด ปรับลดลง 10.71 จุด
วันนี้กระทรวงการคลัง โดยนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ขอมาแถลงข่าวแสดงจุดยืนและความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายของตลาดหลักทรัพย์ไทย และยืนยันว่าไม่มีนโยบายในการพิจารณาภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมในการขายหุ้น หรือFinancial Transection Tax และข้อ 2 กระทรวงการคลังยังไม่มีนโยบายที่จะพิจารณาภาษีกำไรที่เกิดจากการขายหุ้น หรือ Capital Gain Tax
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า หนึ่งในนโยบายที่เอื้อให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยเจริญเติบโตและเป็นตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำในภูมิภาคนั้น คือ นโยบายด้านภาษี
“ยืนยันเพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อตลาดทุน ต่อบริษัทจดทะเบียน และประชาชน กระทรวงการคลังยังไม่มีนโยบายในการพิจารณาภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมในการขายหุ้น หรือFinancial Transection Tax และข้อ 2 กระทรวงการคลังยังไม่มีนโยบายที่จะพิจารณาภาษีกำไรที่เกิดจากการขายหุ้น หรือ Capital Gain Tax”
“เชื่อว่า 2 ข้อนี้ เป็นคำตอบ มีความชัดเจนเพื่อให้ตลาดหุ้นไทยเกิดความสบายใจ มีเสถียรภาพ และสามารถวางแผนระยะยาวในการลงทุนได้”
“เราต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นตัวแทนของภูมิภาค และอยากเห็นตลาดหลักทรัพย์ไทยที่เป็นอิฐก้อนแรกในการที่จะสร้างภาพเอกชน สร้างระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยภาคเอกชนให้เติบโตต่อไปได้”
มุมมองกระทรวงการคลังต่อตลาดหุ้นไทย
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องการเห็นตลาดหลักทรัพย์ไทย ดังนี้
ประเด็นแรก คือ มีสภาพคล่องสูง มีความกระชุ่มกระชวย และมีเสถียรภาพ
ประเด็นที่ 2 คือ เราต้องการตลาดหลักทรัพย์ที่มีปริมาณการซื้อขาย ที่มีทั้งปริมาณและคุณภาพ
ประเด็นที่ 3 คือ อยาเห็นตลาดหลักทรัพย์ไทยมีความน่าดึงดูดทั้ง 2 มิติ คือ ดึงดูดต่อนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เรา และดึงดูดต่อบริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เรา
โดยประเด็นเกี่ยวกับ นักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยนั้น ตลาดหลักทรัพย์ไทย ต้องมีความน่าสนใจ ต้องมีความน่าดึงดูด และมีความสามารถในการแข่งขันได้ มีกฎระเบียนที่ผ่อนปรน และเอื้อต่อการลงทุน
ประเด็นที่บริษัทจดทะเบียนเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยนั้น ต้องดึงดูดบริษัทในระดับโลกเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ที่สามารถแข่งขันได้และมีความเป็นสากล เช่น สามารถแข่งขันได้กับตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์
ประเด็นที่ 4 ประเด็สุดท้าย คือ ต้องการเห็นตลาดหลักทรัพย์ไทยมีต้นทุนที่ต่ำและอยู่ในนระดับที่แข่งขันได้
“ประเด็นนี้สำคัญ คือ เป็นอิฐก้อนแรกของระบบเศรษฐกิจของประเทศ นั่นหมายถึงว่า บริษัทมีต้นทุนในการระดมทุนการเงินที่ต่ำ หมายถึง การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หมายถึง การจ้างงาน หมายถึงเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้น
เพราะฉะนั้น นี่คือ 4 ประเด็น ที่เราอยากเห็นตลาดหลักทรัพย์ไทย มุ่งไปสู่เหล่านี้
มีความจำเป็นที่กระทรวงการคลังต้องมีนโยบายที่เอื้อไปสู่ 4 ประเด็นข้างต้น
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ถ้าไม่มีเก็บภาษีจะทำให้ภาครัฐขาดรายได้หรือไม่ ในแผนการคลังระยะปานกลางยังไม่ได้พิจารณาถึงผลกระทบที่นัยสำคัญที่กระตุ้นเศรษฐกิจที่ชื่อว่า ดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาล หากมีนโยบายนี้เข้าไปในระบบ หมายความว่า มีเงินเข้าไปในระบบ 560,000 ล้านบาท จะเกิดรายได้กลับคืนมาให้กับรัฐบาลในรูปแบบของภาษี ไม่ว่าจะเป็นภาษีนิติบุคคล หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม