ไลฟ์สไตล์

เศรษฐีไทย Work-Life Balance ดี มีความสุขที่สุดในเอเชีย สิงคโปร์รั้งท้าย ไม่มีเวลาพักผ่อน

9 พ.ย. 66
เศรษฐีไทย Work-Life Balance ดี มีความสุขที่สุดในเอเชีย สิงคโปร์รั้งท้าย ไม่มีเวลาพักผ่อน

ผลสำรวจจากธนาคารสวิสฯ เผยเศรษฐีไทยมีสมดุลในการใช้ชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance) ทำให้มีความพึงพอใจในการใช้ชีวิตมากที่สุดในเอเชีย ขณะที่สิงคโปร์มาในอันดับท้ายสุด เพราะทำงานหนักที่สุดจนไม่มีเวลาพักผ่อน

ผลการสำรวจนี้มาจากรายงาน “The Long Game: Understanding APAC HNWIs’ real goals” ซึ่งจัดทำโดย Lombard Odier Darier Hentsch หนึ่งในผู้ให้บริการไพรเวทแบงก์ที่เก่าแก่ที่สุดในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเชี่ยวชาญในการให้บริการสำหรับลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูง หรือ High-Net-Worth Individuals (HNWI) 

สำหรับรายงานนี้ ลอมบาร์ด โอเดียร์ ได้สอบถามสถานการณ์และมุมมองในการจัดการสินทรัพย์และเพิ่มความมั่งคั่งของลูกค้า HNWIs จำนวน 460 คน จาก 7 ประเทศและเขตเศรษฐกิจคือ สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไทย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ออสเตรเลีย

จากผลการสำรวจพบว่า HNWIs จากประเทศไทยมีความพึงพอใจในชีวิตสูง เพราะมีความสมดุลในการทำงานและการใช้ชีวิตมากที่สุด โดย 72.7% ของ HNWIs ของไทยตอบว่าในปัจจุบันตัวเองมีความพึงพอใจในการใช้ชีวิตและการทำงานดี รองลงมาเป็นออสเตรเลีย (68%) ฟิลิปปินส์ (64.3%) ฮ่องกง (52.8%) ญี่ปุ่น (48.8%) ไต้หวัน (41.3%) และ สิงคโปร์ (30%)

istock-1271848835

ผลการสำรวจนี้สะท้อนทัศนคติของกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งในไทยซึ่งให้ความสำคัญกับชีวิตส่วนตัวมากกว่าการทำงาน โดยในไทยและออสเตรเลีย มี HNWIs เพียง 3% และ 4% เท่านั้น ที่ตอบว่าให้ความสำคัญกับงานมากกว่าชีวิตส่วนตัว ขณะที่ HNWIs ในญี่ปุ่นถึง 31% ตอบว่าเห็นงานสำคัญกว่าชีวิตส่วนตัว

นอกจากนี้ HNWIs จากสิงคโปร์ถึง 26% ตอบว่าตัวเองต้องทำงานหนักล่วงเวลาจนไม่มีเวลาพักผ่อน ในขณะที่ในไทยมีเพียง 15.2% เท่านั้น ที่ตอบว่าต้องทำงานล่วงเวลา

 

HNWIs รุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับสมดุลชีวิต-ความยั่งยืน มากขึ้น

ทั่งนี้ จากการสำรวจดังกล่าว ลอมบาร์ด โอเดียร์ ยังพบอีกด้วยว่าทัศนคติของ HNWIs อายุน้อยเริ่มเปลี่ยนไปจากคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ เพราะจะไม่มองว่าตัวเองต้องทำงานหนัก หรือถวายชีวิตให้กับงานเพื่อหารายได้ให้มากที่สุดอีกต่อไปแล้ว แต่มองว่าตัวเองต้องใช้ชีวิตอย่างสมดุล และทำในสิ่งที่สะท้อนกับค่านิยมและความชอบส่วนตัวของตัวเองมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น ลอมบาร์ด โอเดียร์ มองว่าพฤติกรรมในการทำงาน ทำธุรกิจ หรือการลงทุนของ HNWIs จะเปลี่ยนไปในอนาคต โดยจะคำนึงถึงค่านิยมส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสนใจในเรื่องความยั่งยืน หรือเรื่องสังคม มากกว่าผลตอบแทนที่เป็นเงิน

โดยจากการสำรวจในหัวข้อเรื่องความยั่งยืน ลอมบาร์ด โอเดียร์ พบว่า HNWIs อายุต่ำกว่า 45 ปีถึง 32.4% มองว่าความยั่งยืนเป็นโฟกัสสำคัญในการเลือกลงทุน ขณะที่ HNWIs เพียง 21.7% ตอบว่าความยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญ

istock-1474244262

นอกจากนี้ HNWIs รุ่นใหม่ยังลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบใหม่ เช่น สินทรัพย์ดิจิทัล มากกว่าคนรุ่นพ่อแม่ นี่ทำให้การส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่นพ่อแม่สู่ลูกอาจมีความท้าทายในการปรับเป้าหมายและทัศนคติในการรักษาและเพิ่มพูนความมั่งคั่งให้สอดคล้องกัน เพราะถ้าหากมีเป้าหมายหหรือวิธีการไม่ตรงกันแล้ว ก็อาจเกิดปัญหาในการสืบทอดธุรกิจหรือรับช่วงต่อสินทรัพย์ระหว่างคนสองรุ่นได้


อ้างอิง: Lombard Odier




advertisement

SPOTLIGHT