‘อีกี้ ธาตุทองซาวด์’ เป็นเหตุสังเกตได้! ปลุกกระแส ‘วัยรุ่น Hi5 - วัยรุ่น Y2K’ แห่แชร์ภาพตัวเองสมัยๆ เอ๊าะๆ กันทั่วโซเชียล ถ้าย้อนวัยกลับไป ในสมัยนั้น ‘Gadget - แฟชั่นไอเทม’ ที่วัยรุ่นต้องพกมีอะไร? แล้วทำไมเราถึงมักคิดถึงช่วงเวลาดีๆ สมัยเป็นวัยรุ่นเสมอ? Spotlight ชวนคุณมาย้อนวัยใสไปด้วยกัน ทั้งวัยรุ่น Y2K วัยรุ่น Hi5 และวัยรุ่นทุกยุคที่ในหัวใจยังคงมีความเยาว์วัยซ่อนอยู่
อีกี้ ต้องมีติดกระเป๋า! 5 Gadget ขวัญใจวัยรุ่น Y2K - Hi5 ต้องมี
กล้องคอมแพค : รอยต่อระหว่างวัย ของอัลบัมรูปถ่าย กับการส่งไฟล์ผ่านบลูทูธ
ความครึ่งๆ กลางๆ ‘กล้องคอมแพค’ ทำให้กล้องประเภทนี้เหมือนจะหายไปจากหัวใจของวัยรุ่นหลายคนไปพักใหญ่ๆ เพราะไม่ได้เท่ ทรงเสน่ห์ และย้อนวัยแบบกล้องฟิล์ม และก็ไม่ได้คมชัด สารพัดการใช้งานแบบกล้องฟิล์ม และนี่น่าจะเป็นช่วงที่เรายังพอเดินไปร้านรูป แล้วอัดรูปเป็นอัลบัมเก็บไว้ ขณะเดียวกันก็เริ่มเก็บรูปแห่งความทรงจำไว้บนคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์ก็ได้ แล้วส่งบลูทูธ ให้เพื่อนหรือคนรู้ใจเก็บไว้ดู
แต่หากลองหยิบภาพเก่าๆ ที่ถ่ายจากกล้องคอมแพคขึ้นมาดูอีกครั้ง จะพบเสน่ห์ของความไม่สมบูรณ์แบบอยู่ในนั้น มีกลิ่นอายของช่วงวัยถูกสแตมป์อยู่ในรูปที่ชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง บางภาพอาจหลุดโฟกัสไป หรือบางรูปก็ยิงแฟลชจ้าจนหน้าลอย ปัจจุบันนี้ก็ยังพอมีคนรักกล้องคอมแพค หรือวัยรุ่นที่อยากลองความรู้สึกใหม่ๆ หยิบกล้องคอมแพคมาลองเล่นอยู่บ้างเป็นบางคน
แบรนด์ที่คิดถึง : Sony, Canon, Nikon, Samsung, Kodak ฯลฯ
โทรศัพท์ฝาพับ : ตัวแทนแห่งแฟชั่นล้ำสมัย เท่ทุกครั้งที่สะบัดเปิด-พับเก็บใส่กระเป๋า
โทรศัพท์ส่วนใหญ่มีไซส์ประมาณฝ่ามือ และต้องแย่งกันระหว่างจอกับแป้นพิมพ์ ทำอย่างไรให้ได้พื้นที่จุใจทั้งคู่? ทำเป็นโทรศัพท์ฝาพับยังไงล่ะ!
โทรศัพท์ฝาพับถือเป็นหนึ่งนวัตกรรมที่รักษาความคล่องตัวของโทรศัพท์พกพา พร้อมกับเพิ่มพื้นที่ให้กับจอภาพ และแป้นพิมพ์ได้ในเวลาเดียวกัน แถมความรู้สึกของการหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วสะบัดฝาบนขึ้นมารับโทรศัพท์ กับการพับเก็บลงไปในกระเป๋าอีกครั้ง ช่างเป็นความรู้สึกที่เท่สะเหลือเกิน
แม้ปัจจุบันโทรศัพท์ส่วนใหญ่จะกลายเป็นสมาร์ทโฟน จอทัชสกรีนแบนๆ เหมือนกันเสียเยอะแล้ว แต่นวัตกรรมจอ OLED ชนิดที่งอได้ พับได้ ก็ทำให้โทรศัพท์หลายค่าย เช่น Samsung, Oppo, Huawei ทำสมาร์ทโฟนแบบพับได้มาให้แฟนๆ ได้กลับมาสัมผัสเสน่ห์ของโทรศัพท์ฝาพับที่คิดถึงแล้วในตอนนี้
แบรนด์ที่คิดถึง : Motorola, LG, Samsung, Sanyo, PCT ฯลฯ
หูฟังแบบ Headphone : ไม่เน้นใช้ เน้นคล้องคอ
ก่อนยุคที่จะมีนวัตกรรมหูฟังตัดเสียงรบกวน และหูฟังไร้สายขนาดจิ๋ว วัยรุ่นที่ชอบเสียงเพลงเป็นชีวิตจิตใจ ก็มักจะพกหูฟังครอบหูหรือ Headphone ไว้ติดตัวเวลาออกไปข้างนอก ที่สำคัญ เวลาเอามาใช้คล้องคอ มันเท่กว่าเวลาที่ใส่ฟังเพลงเสียงอีก!
มิหนำซ้ำ หูฟังแบบ Full Size แบบนี้ ยังมีราคาค่าตัวแพงกว่าหูฟังแบบ Earphone ทั่วไป วัยรุ่นที่พกหูฟังแบบนี้ไปเที่ยวหรือไปโรงเรียน ยังเป็นการสื่อสารได้ว่า เป็นคอเพลงตัวจริง เป็นคนที่อยากดูเก๋กว่าคนรอบตัว และแอบอวดความรวยแบบเบาๆ อีกด้วย
แบรนด์ที่คิดถึง : Sony, Bose, Pioneer, JVC, Beats by Dr. Dre ฯลฯ
iPod / Sony CD Walkman : เพราะความจุน้อย เพลย์ลิสต์ติดตัวจึงมีความหมายมาก
ย้อนกลับไปในยุคที่การฟังเพลงแบบพกไปได้ทุกที่นั้นมีพัฒนาการขึ้น แต่ก็ยังมีอุปสรรคอยู่บ้าง มีเครื่องเล่นอย่าง ‘Sony CD Walkman’ หรือ ‘iPod’ ที่สามารถบรรจุสารพัดเพลงโปรดของเราไว้ได้ แต่ก็มีความจุที่จำกัด (เทียบกับสมัยนี้ที่เป็นยุค Streaming อยากฟังเพลงไหน จากประเทศอะไร เวอร์ชั่นไหน ขอแค่จำชื่อได้ ก็สตรีมฟังได้ทันที) เพลงที่เราเลือกให้มา iPod หรือซีดีแผ่นโปรดของเรา จึงต้องคัดสรรมาอย่างดี ว่าเป็นเพลงที่มีความหมายต่อเรา และเราอยากจะฟังวนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าระหว่างที่อยู่นอกบ้าน
แต่ถ้าเป็น ‘วัยรุ่น Hi5’ ก็น่าจะเริ่มเข้าสู่ยุค MP3 ที่เราสามารถเก็บเพลงเป็นพันๆ เพลงไว้ได้ในเครื่องเล่นขนาดเท่าขนมเวเฟอร์หนึ่งอัน ยุคที่ดีแต่คนฟังเพลง แต่ทำเอาอุตสาหกรรมเพลงเกือบสูญพันธุ์ไปเหมือนกัน เมื่อมองมาในปัจจุบันก็ต้องถือว่ามีพัฒนาการไปในทิศทางที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะเราได้ฟังเพลงของศิลปินคนโปรด แถมค่ายเพลงก็ยังได้รายได้จากค่าโฆษณาด้วย วิน-วินกันทั้งสองฝ่าย
แบรนด์ที่คิดถึง : Sony, Apple
ทามาก็อตจิ : สัตว์เลี้ยงคู่กาย ที่ต้องคอยให้อาหารและเก็บอึ
ทางออกสำหรับวัยรุ่นที่อยากเลี้ยงสัตว์แต่ไม่มีเวลา หรือทางบ้านไม่ปลื้มน้องหมาน้องแมว ‘ทามาก็อตจิ’ สัตว์เลี้ยงดิจิทัลที่อาศัยอยู่ในเครื่องเล่นรูปไข่แสนน่ารัก มาพร้อมกับพวงกุญแจ ห้อยกระเป๋า ห้อยคอไปได้ทุกที่ แต่แม้จะไม่ต้องกังวลเรื่องขนร่วง หรือพาน้องไปฉีดยา แต่ก็ต้องมีเวลาคอยให้อาหาร พาน้องเล่น และเก็บอึให้น้อยด้วย ไม่งั้นน้องอาจจุกลับเมืองทามาก็อตจิ ไปอยู่กับบรรพบุรุษได้เหมือนกัน
นอกจากทามาก็อตจิแล้ว ยังมีของเล่นพกพาขวัญใจวัยรุ่นทั้ง Y2K และ Hi5 อย่าง Gameboy, PSPและ Digivice ที่หลายคนจะเคยครอบครองอย่างน้อย 1 รุ่นเป็นแน่ แถมยังมีลูกเล่นในการนำมาเชื่อมต่อเล่นข้ามเครื่องกับเพื่อน พร้อมกับเลือกสีสันได้เหมือนกับของตัวละครขัวญใจในการ์ตูนเรื่อง Digimon ได้อีกด้วยสำหรับ Digivice น่าดีใจที่รุ่นเรายังมีของเล่นหลากหลาย ไม่ถูกนำมารวมกันในสมาร์ทโฟน เหมือนอย่างทุกวันนี้
แบรนด์ที่คิดถึง : Tamagotchi (Bandai), Digivice (Bandai), Gameboy (Nintendo), PSP (Sony) ฯลฯ
ส่วนในสายของแฟชั่นนั้น การแต่งตัวของวัยรุ่นใน ‘ยุค Y2K’ ไปจนถึง ‘ยุค Hi5’ มีองค์ประกอบมากมายหลากหลาย ซึ่งถ้าเจาะลงไปทางฝั่งยุค Y2K นิตยสาร Harper's BAZAAR สรุปคำที่นิยามแฟชั่นของยุค Y2K ว่า ‘Playful’ หรือขี้เล่น ซุกซน มีความสดใสประหนึ่ง Britney Spears ในยุคแตกเนื้อสาวอยู่ตลอดเวลา ทั้งสีสันสดใส เสื้อผ้าตัวจิ๋ว กับพร็อพที่จับคู่แล้วทำให้ดูซุกซน และแฝงไปด้วยพลังของคนหนุ่มสาว
แต่ถ้าขยับมาหายุควัยรุ่น Hi5 มากขึ้น ก็จะเป็นยุคที่เราได้รับอิทธิพลของเกาหลี-ญี่ปุ่นมาเต็มๆ ดูได้ง่ายๆ จากศิลปินที่เป็นตัวแทนและภาพความทรงจำแห่งยุคอย่าง ‘กามิกาเซ่’ การแต่งตัวก็จะยิ่งเพิ่มความสนุกจากการ Mix and Match ชุดและแอคเซสเซอรี่จากต่างสไตล์ให้เข้ากันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ดู คาวาอี้ คิกขุอาโนเนะ ในทุกลุค
ใครที่อยากลองแมทช์ลุคแบบวัยรุ่นในยุคนี้ ต้องมีไอเท็มเด็ดสายแฟเหล่านี้ติดตู้เอาไว้
เสื้อผ้า
Baby tees : เสื้อตัวเล็กเหมือนเสื้อเด็กน้อย เพิ่มความสดใส โกงอายุได้ทุกครั้งที่ใส่
กางเกงยีนส์เอวต่ำ ขาใหญ่ คู่กับ รองเท้าส้นหนา : ท่อนบนดูน้อยแล้ว แมทช์ด้วยท่อนล่างที่ดูโอเวอร์ เติมความเท่ ความชิลให้กับคอมพลีทลุคของคุณได้ (ส่วนใครอยากไปสายแซ่บ จะใส่เล็กกิ้งรัดๆ แบบอีกี้ก็จะทำให้เผ็ชจนใครๆ ก็ต้องหันมอง)
เครื่องประดับ
หวีสับ-กิ๊บ Evita + แว่นกันแดด : ยกระดับความเยาว์วัยของเยาวรุ่นด้วยกิ๊บและหวีสับสีสะดุดตาให้ดูสดใส แถมด้วยแว่นกันแดดที่ตะโกนถึงความเปรี้ยวซ่า ก็จะช่วยบอกเล่าความหวานของเด็กสาว และพร้อมกับความขบถวัยรุ่นได้ดีสุดๆ ไปเลย
‘อีกี้’ สก๊อย Hi5 ที่ทำให้ชาวเน็ตต้องไปขุดรูปวัยรุ่นของตัวเองออกมาแชร์!
เอ็มวี ‘ธาตุทองซาวด์’ ของแร็ปเปอร์รุ่นใหม่ ‘YOUNGOHM (ยังโอม)’ ได้สร้างปรากฏการณ์ฮิตทั่ว TikTok ตั้งแต่เพลงยังเพลงยังไม่มีเอ็มวี กับวลี ‘โย่ว และนี่คือเสียงจากเด็กวัด’ ที่ดังสนั่นทั่วโลกโซเชียล แต่เพลงที่ว่าฮิตแล้ว กลับไวรัลกว่าเก่า เมื่อ YOUNGOHM ได้ปล่อยเอ็มวีที่เจ้าตัวทุ่มทุนกว่า 1.2 ล้านบาท หยิบหลากหลายเอเลเมนต์ที่ ‘โคตรไทย’ แต่เป็นไทยที่เราพบเห็นได้ทุกวันแบบอันเซนเซอร์ มาหยอกล้อ หยิกแกมหยอกผู้ชมตั้งแต่ต้น จนจบเอ็มวี
แต่ที่โดดเด่นเกินหน้าเกินตาใคร คงหนีไม่พ้น ‘อีกี้’ สก๊อยสาวที่ตีบทแตกตั้งแต่ผมรากไทรยีฟู เล็บสีชมพูตะโกน ไปจนถึงรองเท้าส้นหนา โดย ‘หลิน มชณต’ นักแสดงและนางแบบสาวที่ SKRT SKRT แซงทางโค้งได้อย่างร้อนแรง เพราะอีกี้ ในเอ็มวีนี้ ไม่เพียงทำหน้าที่ ‘เพื่อนของโอม’ ดังเช่นในเนื้อเพลง แต่ยังทำหน้าที่เป็น ‘ตัวแทนของวัยรุ่น’ ในสมัยของใครหลายคนอีกด้วย
อาจารย์ ดร.ชเนตตี ทินนาม อจารย์ประจำภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แสดงทรรศนะต่อปรากฏการณ์ ‘อีกี้’ ว่า สังคมได้เปิดรับและมีมุมมองต่อสก๊อยในทางบวกมากขึ้น ไม่ได้เป็นเพียงผู้หญิงชายขอบ/ผู้หญิงกระแสรอง แต่ผู้คนบนโลกอินเทอร์เน็ตได้หยิบบางองค์ประกอบของการเป็นสก๊อย เช่น สไตล์การแต่งตัว ไลฟ์สไตล์ แล้วนำมาทาบกับความเป็นตัวเองผ่านการแชร์ภาพวันวานของตนสมัยเป็นวัยรุ่น เป็นตีความคำว่า ‘สก๊อย’ ใหม่ แล้วค่อยๆ ต้อนรับเข้าสู่พื้นที่ของกระแสหลัก
แต่แม้ในเอ็มวี อีกี้จะเป็น ‘สก๊อย Hi5’ ที่โลดแล่นอยู่โลกออนไลน์ในช่วงปี 2005 - 2010 ชาวเน็ตที่แชร์รูปสมัยวัยรุ่นของตัวเองนั้น ก็มีทั้งวัยรุ่น Hi5 (อายุราว 20 - 30 กว่า) วัยรุ่น Y2K (อายุราว 30 - 40 อัพ) หรือแม้แต่วัยรุ่นยุค 80 90 ก็ได้มาร่วมย้อนวันวานกับกระแสนี้ไปด้วยกัน
แชร์รูปวัยรุ่น Hi5 - Y2K กันเต็มโซเชียล : ทำไมคนเราถึงโหยหาอดีต?
ช่วงเวลาแห่งวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาแห่งอิสระโดยแท้ เป็นช่วงที่เรายังไม่ต้องแบกรับความรับผิดชอบของการเป็นผู้ใหญ่ และมีเวลาได้ใช้ชีวิตกับกลุ่มเพื่อนมากที่สุด ส่วนในด้านร่างกายและจิตใจนั้น วัยรุ่นเป็นช่วงวัยของการเปลี่ยนผ่านจากเด็กเข้าสู่ผู้ใหญ่ เป็นช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายกำลังปรับสมดุล เราจึงอารมณ์ ความรู้สึกรุนแรง และสุดโต่งเมื่อเทียบกับวัยผู้ใหญ่
และในช่วงวัยเดียวกันนี้ เป็นช่วงที่เรากำลังสร้าง ‘ตัวตน’ ของเราขึ้นมา พยายามหานิยาม ความชอบ ให้กับตัวเอง จึงเป็นช่วงที่เราเริ่มจะสร้างนิสัย ความเคยชิน ที่อาจติดตัวไปตลอดชีวิต หนึ่งในนั้นคือ ความชอบของการฟังเพลง นี่จึงเป็นสาเหตุที่เพลงในสมัยที่เราเป็นวัยรุ่น เรามักจะรู้สึกว่าเพราะที่สุด กลับมาฟังเมื่อไรก็คิดถึง นั่นก็เป็นเพราะว่ามีความรู้สึก อารมณ์ และเหตุการณ์มากมายถึงยึดโยงกับตัวโน้ตและคำร้องของเพลย์ลิสต์โปรดในสมัยมัธยม หรือมหาวิทยาลัยของคุณ แม้แต่มิตรภาพที่เกิดขึ้นในวัยนี้ ก็เป็นมิตรภาพที่บริสุทธิ์ซึ่งไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องเหมือนอย่างในวัยทำงาน
Krystine Batcho อาจารย์และนักจิตวิทยาจาก LeMoyne College ให้สัมภาษณ์กับ สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) ว่า ภาวะรู้สึกหวนรำลึกถึงอดีต (Nostalgia) ทำให้เราได้เข้าใจตัวตนที่แท้จริงของเรา เราเป็นอย่างไรในอดีต เทียบกับปัจจุบันที่เมื่อเวลาผ่านไป เราได้โตขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปในทุกวัน
แต่ในขณะเดียวกัน ก็อาจเป็นความรู้สึกหวานอมขมกลืน เพราะ บางครั้งภาพในอดีตก็ช่างสวยงาม ต่างกับปัจจุบันที่เป็นอยู่ และไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีกแล้ว (เช่น ช่วงเวลาที่เรายังอ่อนวัย สดใสแบบวัยรุ่น และมีเวลาได้เที่ยวเล่นกับเพื่อน) การหวนถึงอดีตของบางคนจึงอาจทำให้ตนเองในปัจจุบันรู้สึกเป็นทุกข์ หรือบางคนก็เลือกหวนถึงอดีตเพื่อหลบหนีจากความเศร้า ความผิดหวังในปัจจุบัน
แต่การหวนถึงอดีตเองก็มีข้อดีเช่นกัน ศาสตราจารย์ Batcho เผยว่า ในช่วงของการเปลี่ยนแปลง เช่น การเริ่มต้นชีวิตคู่ เริ่มทำงานในที่ใหม่ หรือเริ่มลงมือทำสิ่งใหม่ๆ นั้น การหวนถึงอดีตก็เป็นตัวช่วยที่ดี เพราะคนเรากลัวการเริ่มต้นใหม่ และความไม่แน่นอน เพราะมีหลายอย่างที่เราควบคุมไม่ได้ แต่หากเรานึกถึงวันวานซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการเริ่มต้นใหม่จะออกมาเป็นอย่างไร แต่เราก็สามารถผ่านมันมาได้ หรือหวนนึกถึงความรู้สึกดีๆ เมื่อเราเอาชนะความไม่แน่นอนสำเร็จ ตรงนี้ก็จะทำให้เรามีกำลังใจเผชิญสิ่งใหม่ที่ไม่อาจคาดเดาได้ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง
สุดท้ายนี้ หวังว่าการคิดถึงตัวเราในวันวาน จะไม่ได้นำมาเพียงความรู้สึกดีๆ จากการเห็นภาพของตัวเองบนโซเชียลมีเดียต่างๆ แต่นำมาซึ่งพลังใจของวัยหนุ่มสาวอันสดใส ให้เราพร้อมกลับมาใช้ชีวิตปัจจุบันอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสุขในทุกวัน เพื่อให้วันนี้ กลายเป็นภาพความทรงจำดีๆ ให้กับตัวเราในอนาคต
ที่มา : YOUNGOHM, Linnmashannoad Fanpage, Chanettee Tinnam, Harper’s Bazaar, APA