อาปิโก ไฮเทค ขายหุ้น SACL ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ในอินเดีย
อาปิโก ไฮเทค ประกาศขายหุ้น SACL ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ในอินเดีย มูลค่า 2,995 ล้านบาท ถือเป็นการทยอยลดการลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ เพื่อมุ่งเน้นขยายธุรกิจการลงทุนในประเทศและคืนหนี้
อาปิโก ไฮเทค ขายหุ้น SACL ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ในอินเดีย มูลค่า 2,995 ล้านบาท
บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ประกาศว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ Sakthi Global Auto Holdings Limited (SGAH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีมติอนุมัติการขายหุ้น 248,355,851 หุ้น ที่ถืออยู่ใน Sakthi Auto Component Limited (SACL) ผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศอินเดีย คิดเป็นสัดส่วน 77.04 % ของจำนวนทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้ว มูลค่า 82.685 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 27 ตุลาคม2566 ที่ 36.23 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ) หรือประมาณ 2,995.56 ล้านบาท โดย แบ่งเป็น
- ส่วนที่ 1 มูลค่า 72,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,608,462,800 บาท ชําระภายใน วันที่ 31 ธันวาคม 2566
- ส่วนที่ 2: มูลค่า 10,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 362,286,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 3.0 ต่อปี คิดเป็น 685,002 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 24,816,698 บาท แบ่งชําระภายในวันที่ 13 ธันวาคม 2570
สำหรับบริษัท SACL ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศอินเดีย ทุนจดทะเบียน 3,223.56 ล้านรูปีอินเดีย หรือประมาณ 1,406.92 ล้านบาท แบ่งเป็น 322,355,611 หุ้น
เหตุที่เเจ้ง นักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ล่าช้า
แม้ว่าที่ประชุมคณะกรรมการของ SGAH จะมีมติอนุมัติการเข้าทํารายการในวันที่ 27 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาแล้วก็ตาม แต่การเข้าทํารายการยังมีความไม่แน่นอนและอาจส่งผลกระทบต่อความสําเร็จในการขายธุรกิจ จึงยังไม่ได้แจ้งต่อนักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด
ล่าสุด การเข้าทํารายการมีความแน่นอนแล้ว เพราะ บริษัท ได้รับเงินส่วนที่ 1 จํานวน 72,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมาตามที่ระบุในสัญญา ทางบริษัทจึงได้มีการประกาศเอกสารฉบับนี้ออกมา
การขายหุ้น SACL ถือเป็นการทยอยลดการลงทุนในธุรกิจต่างประเทศของอาปิโก ไฮเทค เพื่อมุ่งเน้นการลงทุนในประเทศเป็นหลัก โดยบริษัทจะนำเงินสดจากการจำหน่ายหุ้นดังกล่าวไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในประเทศและการชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น และสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
