Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
โซเชียลโวยถูกอายัดบัญชี เอี่ยวบัญชีม้าไม่รู้ตัว ธปท.เร่งแบงก์แก้ไขแล้ว
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

โซเชียลโวยถูกอายัดบัญชี เอี่ยวบัญชีม้าไม่รู้ตัว ธปท.เร่งแบงก์แก้ไขแล้ว

13 ก.ย. 68
18:55 น.
แชร์

ประชาชนโวยเดือดกระหึ่มโซเชียล พบบัญชีเงินฝากถูกอายัดกะทันหัน ปมอาจได้พัวพันกับบัญชีม้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ล่าสุดดีอีประชุมร่วมธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจงว่าการอายัดบัญชีเน้นไปที่การอายัดเงินที่ออกจากบัญชีม้าเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งบัญชี แต่กำลังเร่งปลดล็อกให้ผู้ได้รับผลกระทบ ด้านธปท. รับว่าการขยายการตรวจสอบอาจทำให้มีบัญชีผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบบ้าง และกำลังเร่งดำเนินการแก้ไขแล้ว

วันนี้ (14 ก.ย.) ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นั่งหัวโต๊ะประชุมใหญ่เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อหาทางออกให้ผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการระงับบัญชีได้รับการปลดล็อกอย่างรวดเร็ว พร้อมย้ำว่ามาตรการนี้ยังคงมีความจำเป็นเพื่อปิดกั้นเส้นทางการเงินของแก๊งอาชญากรออนไลน์

ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ อธิบายว่า มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 โดยบัญชีที่ถูกระงับนั้นไม่ใช่การปิดกั้นทั้งบัญชี แต่เป็นเพียงการระงับธุรกรรมชั่วคราวเฉพาะจำนวนเงินที่โอนออกจากบัญชีต้องสงสัย เพื่อให้สามารถติดตามเส้นทางการเงินและนำเงินที่สูญเสียจากอาชญากรรมออนไลน์กลับคืนสู่ผู้เสียหาย ส่วนการอายัดบัญชีเต็มรูปแบบจะทำได้เฉพาะกรณีที่มีหมายอายัดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

เพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบในเบื้องต้น ที่ประชุมได้พิจารณากลไกการเพิกถอนบัญชีที่ถูกระงับ โดยให้อำนาจศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) เป็นผู้สั่งปลดล็อกผ่านการทำงานของศูนย์ AOC 1441 ซึ่งจะประสานความร่วมมือกับ ธปท. ธนาคารพาณิชย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลไกการตรวจสอบจะพิจารณาสองมิติหลัก ได้แก่ 1) เส้นทางการเงินและรูปแบบธุรกรรมว่ามีความผิดปกติหรือไม่ 2) การตรวจสอบว่าเจ้าของบัญชีมีรายชื่อเกี่ยวข้องกับการอายัดบัญชีจาก ปปง. หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่

ปลัดกระทรวงดีอี เปิดเผยว่า ขณะนี้ศูนย์ AOC ได้เร่งรัดการตรวจสอบบัญชีที่ถูกระงับ และสามารถปลดล็อกบัญชีที่ตรวจสอบแล้วว่าเป็นของประชาชนผู้สุจริตไปแล้วจำนวนหนึ่ง โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบแต่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดสามารถติดต่อศูนย์ AOC โทร. 1441 กด 2 เพื่อเข้าสู่กระบวนการเพิกถอนการระงับและคืนสิทธิ์การใช้งานบัญชี

อย่างไรก็ตาม การปลดล็อกบัญชีจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีคำสั่งจากศปอท. โดยธนาคารจะเป็นผู้แจ้งเจ้าของบัญชีให้ทราบโดยตรง ขณะที่ศูนย์ AOC มีหน้าที่เพียงรับเรื่องและประมวลผลข้อมูล ไม่ติดต่อกับประชาชนโดยตรง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกแอบอ้างโดยมิจฉาชีพ

มาตรการดังกล่าวถูกนำมาใช้ต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยมุ่งหวังปิดกั้นช่องทางการเงินของเครือข่ายอาชญากรออนไลน์ที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างต่อประชาชน พร้อมเพิ่มโอกาสในการติดตามเงินที่ถูกหลอกลวงกลับคืนให้ผู้เสียหาย ถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าภาครัฐและสถาบันการเงินจะไม่ปล่อยให้แก๊งมิจฉาชีพใช้ระบบการเงินมาเป็นเครื่องมือก่ออาชญากรรมได้อีก

เสียงบ่นกระหึ่มโซเชียล ถูกอายัดบัญชีกะทันหัน

เมื่อวานนี้ ประเด็นการอายัดบัญชีธนาคารกลับมาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ หลังถูกพูดถึงต่อเนื่องมาหลายวัน ต้นตอมาจากโพสต์ของเพจเฟซบุ๊ก Drama-addict ที่ระบุว่ามีผู้ติดตามจำนวนมากแจ้งปัญหา บัญชีธนาคารถูกอายัดโดยไม่คาดคิด บางรายพบว่ายอดเงินในบัญชีกลายเป็น “ติดลบ” เมื่อสอบถามไปยังธนาคารก็ได้รับคำตอบว่าเกิดจากการมีเงินโอนเข้ามาจาก “บัญชีม้า”

กรณีที่ถูกพูดถึงมากตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน คือเรื่องของลูกเพจรายหนึ่งที่แฟนของเขาถูกอายัดบัญชี พบว่ายอดเงินติดลบกว่า 200,000 บาท เนื่องจากมีบัญชีม้าโอนเข้ามาถึง 4 ครั้ง ผู้เสียหายต้องเดินทางไปชี้แจงกับธนาคารหลายครั้ง แม้เวลาจะล่วงเลยกว่า 2 สัปดาห์ แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบชัดเจน บัญชียังคงถูกอายัดเหมือนเดิม ทำให้เกิดความเดือดร้อนหนักเนื่องจากไม่มีเงินสดไว้ใช้สำรองจ่าย

Drama-addict ยังชี้ว่าไม่ได้มีเพียงรายเดียว แต่มีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ประสบปัญหาลักษณะเดียวกัน บางรายรอปลดอายัดมานาน 2-3 เดือนแต่ยังไม่สามารถใช้งานบัญชีได้ กระแสวิพากษ์วิจารณ์จึงทวีความรุนแรง หลายคนตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและความรวดเร็วของธนาคารในการจัดการ

เมื่อวันที่ 12 กันยายน กระแสเริ่มลุกลามกว้างขึ้น โดยหนึ่งในลูกเพจ Drama-addict ได้โพสต์ให้ข้อมูลว่ามีผู้ใช้โซเชียลจำนวนมาก รวมถึงร้านค้าในตลาด ร้านอาหารตามสั่ง และผู้ขายสินค้าในเกมออนไลน์ ต่างโพสต์ว่าถูกกระทบเพราะลูกค้าที่ใช้บัญชีม้ามาซื้อสินค้า ทำให้บัญชีของผู้ค้าสุจริตถูกอายัดโดยตรง ส่งผลให้เสียทั้งเวลาและรายได้ หลายคนวิจารณ์ว่าการแก้ปัญหาของธนาคารและหน่วยงานรัฐเป็นการทำงานแบบมักง่าย

ในวันเดียวกัน เพจอีจันก็ออกมาโพสต์เตือนว่า ผู้ที่เล่นหวยหรือพนันออนไลน์มีความเสี่ยงถูกอายัดบัญชีโดยไม่รู้ตัว เพราะเว็บไซต์เหล่านี้มักใช้บัญชีม้าโอนเงินให้ผู้เล่น ขณะที่ทนายเกิดผล แก้วเกิด ก็ย้ำว่าผู้ที่เล่นพนันออนไลน์เสี่ยงถูกอายัดทุกบัญชี เนื่องจากเส้นทางการเงินโยงกับบัญชีม้าโดยตรง สะท้อนว่าถึงไม่ได้เป็นบัญชีม้าโดยตรง ก็อาจถูกอายัดได้หากมีการทำธุรกรรมกับบัญชีที่ต้องสงสัยว่าเป็นบัญชีม้า หรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

จากผลกระทบทั้งหมดดังกล่าว เพจ Drama-addict ยังได้แสดงความเห็นว่า “ยาแรง” ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ตรวจสอบเส้นทางเงินลึกถึง 5 ชั้นและอายัดบัญชีต้องสงสัยได้ทันทีนั้น อาจกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ และสร้างผลเสียต่อเศรษฐกิจวงกว้างได้ ความไม่มั่นใจดังกล่าวทำให้บางคนตัดสินใจถอนเงินสดออกจากธนาคารมาเก็บไว้เอง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อไปยังธนาคารเป็นทอดๆ 

ธปท. รับมีผู้ได้รับกระทบจริง เร่งแก้วิธีอายัด

เพื่อตอบคำถามประชาชนในเบื้องต้นจากกระแสข่าวดังกล่าว ในวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาชี้แจงว่า จากกรณีที่มีข่าวการอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้านั้น บัญชีที่ได้รับผลกระทบจะเป็นบัญชีที่อยู่ในเส้นทางเงินที่รับโอนจากบัญชีม้าเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) และธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ได้ยกระดับการจัดการบัญชีม้า โดยขยายขอบเขตการติดตามเส้นทางเงินให้กว้างขึ้น เพื่อกักเงินที่โยงกับบัญชีม้ามาคืนผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด จึงทำให้การระงับบัญชีที่เกี่ยวข้องอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากขึ้น 

จากความกังวลที่เกิดขึ้น ธปท. ได้หารือกับ ศปอท. และ ธพ. แล้ว และเห็นชอบร่วมกันเบื้องต้นว่าจะเร่งปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนสุจริต โดยจะมีการหารือร่วมกันพรุ่งนี้ (14 ก.ย.) และจะเริ่มดำเนินการได้ทันที  

สำหรับประชาชนสุจริตที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา ท่านสามารถติดต่อยกเลิกการระงับ โดยติดต่อไปยังศูนย์ AOC 1441 ต่อ 2 ได้

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาชี้แจงประเด็นที่มีกระแสข่าวลูกค้าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การแสดงผลยอดเงินในบัญชีติดลบและการปลดอายัดบัญชีล่าช้าเบื้องต้นแแล้ว

โดยกรณียอดเงินในบัญชีติดลบ ธปท. ได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงจากธนาคารที่เกี่ยวข้องแล้ว พบว่าเกิดจาก 2 สาเหตุ คือ

  1. เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2568 มีการปรับปรุงข้อมูลรายการเคลื่อนไหวของเงินฝากช่วงสิ้นวันไม่ครบถ้วน ส่งผลให้บัญชีเงินฝากจำนวนหนึ่งมียอดเงินคงเหลือไม่เป็นปัจจุบัน ซึ่งธนาคารได้แก้ไขให้ถูกต้องเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. 2568 ที่ผ่านมา โดย ธปท. ได้สั่งการให้ธนาคารดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทุกราย รวมถึงได้เข้าตรวจสอบและติดตามให้ธนาคารมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้อีกในอนาคต ตลอดจนกำชับให้ทุกธนาคารมีมาตรการเชิงป้องกันเช่นกัน
  1. เกิดจากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งธนาคารให้อายัดเงินในบัญชีต้องสงสัย แต่เงินในบัญชีเหลือน้อยกว่าจำนวนเงินที่ตำรวจแจ้งให้อายัด ระบบจึงแสดงยอดเงินในบัญชีติดลบ ซึ่งแต่ละธนาคารมีแนวทางการแสดงข้อมูลที่แตกต่างกัน โดย ธปท. ได้สั่งการให้ธนาคารเร่งสร้างความเข้าใจกับลูกค้าให้ชัดเจนแล้ว

สำหรับประเด็นการอายัดบัญชีต้องสงสัยเพื่อติดตามเงินกลับมาคืนผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด ซึ่งอาจจะกระทบการทำธุรกรรมของประชาชนส่วนหนึ่ง นั้น ธปท. ธนาคารพาณิชย์ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องรับทราบปัญหาและอยู่ระหว่างเร่งปรับปรุงกระบวนการอายัดและการปลดอายัด ให้สามารถจัดการกับมิจฉาชีพและดูแลผู้เสียหายได้อย่างมีประสิทธิผล โดยไม่กระทบต่อผู้ใช้บริการปกติ รวมทั้งมีความรวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะการปลดอายัดบัญชีกรณีผู้บริสุทธิ์ 

ทั้งนี้ หากประชาชนพบปัญหาในการใช้บริการทางการเงินและไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงทีจากสถาบันการเงิน สามารถติดต่อศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ธปท. ที่หมายเลข 1213 โดย ธปท. จะเร่งให้สถาบันการเงินตรวจสอบและแก้ปัญหาอย่างเร็วที่สุด

มาตรการปราบปรามบัญชีม้าในปัจจุบัน

สำหรับมาตรการจัดการบัญชีม้าที่ถูกปรับเข้มงวดขึ้นในปัจจุบันนั้น ในเดือนมิถุนายน 2568 พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ยกฐานะของศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ "ศปอท." ที่สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้มีสถานะเป็นศูนย์ปฏิบัติการตามกฎหมาย (Operation Center) และให้สามารถบริหารจัดการกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ ลดความเสียหายในวงกว้าง รวมทั้งสามารถติดตามเส้นทางการเงินเพื่อนำเงินคืนแก่ผู้เสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การยกระดับครั้งนี้ทำให้ "ศปอท." มีอำนาจระงับธุรกรรมทางการเงินในบัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ที่มีพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ทันที และสามารถเพิกถอนการระงับได้หากพิสูจน์ภายหลังว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้การระงับและปราบปรามบัญชีม้ามีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ในช่วงปี 2567 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังได้ยกระดับมาตรการเพื่อช่วยให้ธนาคารลดความเสี่ยงและแก้ปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ มาตรการดังกล่าวมีทั้งการปรับการจัดการบัญชีม้าในระดับบุคคลแทนที่จะเน้นเพียงตัวบัญชี และการเพิ่มความเข้มงวดต่อการเปิดบัญชีใหม่สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีพฤติกรรมผิดปกติ

ในด้านการกวาดล้างบัญชีม้า ธนาคารจะตรวจสอบทุกบัญชีของเจ้าของบัญชีต้องสงสัยในทุกธนาคาร โดยอาศัยข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ฐานข้อมูล Central Fraud Registry (CFR) และการตรวจสอบของธนาคารเอง เช่น บัญชีที่มีการโอนเงินถี่ในมูลค่าเล็ก ๆ ก่อนจะมีธุรกรรมใหญ่เข้ามา ธนาคารต้องใช้มาตรฐานเดียวกันในการระงับการใช้งานผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ทันที และตรวจสอบข้อเท็จจริงตามระดับความเสี่ยง

สำหรับการเปิดบัญชีใหม่ หากพบว่าลูกค้ามีความเสี่ยงสูง ธนาคารจะต้องใช้มาตรการเดียวกัน เช่น การขอข้อมูลเพิ่มเติม การไม่อนุญาตให้เปิดบัญชีผ่านช่องทางออนไลน์ การกำหนดข้อจำกัดการใช้งาน เช่น ห้ามใช้ mobile banking หรือแม้แต่ปฏิเสธการเปิดบัญชีทั้งในสาขาและออนไลน์

ก่อนที่ในเดือนมกราคม 2568 มาตรการจะถูกปรับให้เข้มข้นขึ้นอีก เมื่อธปท. ออกมาชี้แจงมาตรการเพิ่มเติมที่ประกอบด้วยสามประเด็นหลัก ได้แก่ การกวาดล้างบัญชีม้าให้เข้มข้นขึ้น โดยปรับเงื่อนไขการพิจารณาให้ครอบคลุมพฤติกรรมของมิจฉาชีพที่เปลี่ยนแปลงไป และสามารถดำเนินการได้แม้ยังไม่มีผู้เสียหายร้องเรียน การขยายขอบเขตการจัดการบัญชีในระดับบุคคล โดยให้ธนาคารระงับการโอนออกและปฏิเสธการเปิดบัญชีใหม่แม้ในกรณีที่ยังไม่ถูกระบุว่าเป็นบัญชีม้าอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งป้องกันไม่ให้เงินใหม่เข้าสู่บัญชีที่มีความเสี่ยง และแจ้งเตือนผู้โอนว่าปลายทางอาจเป็นบัญชีม้า รวมถึงการขยายความร่วมมือระหว่างธนาคารด้วยการแลกเปลี่ยนรายชื่อผู้มีพฤติกรรมต้องสงสัยเพิ่มเติมจากฐานข้อมูลที่ใช้อยู่เดิม เพื่อสร้างมาตรฐานการป้องกันที่รวดเร็วและครอบคลุม

แชร์
โซเชียลโวยถูกอายัดบัญชี เอี่ยวบัญชีม้าไม่รู้ตัว ธปท.เร่งแบงก์แก้ไขแล้ว