Finnomena มอง ตอนนี้ตลาดหุ้นจะไม่ร่วงแรง จากภาษี คุณ ทรัมป์ แล้ว

Finnomena บริษัทแพลตฟอร์มด้านการลงทุน อย่างเช่น กองทุนรวม ได้ออกมาให้มุมมองการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ (2025) โดยมี

- คุณกรณ์ จาติกวณิช ประธานกรรมการและกรรมการอิสระ Finnomena

- คุณ เจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Finnomena Group

- คุณ วศิน ปริธัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เดฟินิท จำกัด ที่เป็นบริษัทในเครือของ Finnomena Group

- คุณ กสิณ สุธรรมนัส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ ของ Finnomena Group

ที่ได้ออกมาให้ความเห็น และ มุมมองการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง

แล้วทั้ง 4 ท่านนี้ มีมุมมองการลงทุน และ ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ภาษี อย่างไรบ้าง ?

มาเริ่มกันที่ คุณ กรณ์ ที่มองว่า การขึ้นภาษีของคุณ โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบกับไทยเราแน่นอน

ส่วนประเด็นที่คนนำไทยไปเทียบกับเวียดนามเรื่องผลกระทบด้านภาษี คุณ กรณ์ มองว่า เวียดนามเองก็อยู่ในกลุ่ม BRICS เหมือนกัน จึงอาจไม่ส่งผลกระทบกับไทยเท่าไรนัก

ด้านการเจรจาเรื่องภาษี คุณ กรณ์ มองว่า ไทยเราเริ่มช้าเกินไป เพิ่งมาเริ่มในช่วง 5-6 วันก่อนครบกำหนดเท่านั้น ควรจะผลักดันมากกว่านี้

ซึ่งถ้าเกิดว่าคุณ กรณ์ ต้องเป็นคนไปเจรจาเอง จะพยายามแสดงความมุ่งมั่น ตั้งใจ และไม่ยอมกลับจนกว่าจะได้ดีล เพื่อทำให้เห็นว่าไทยเราจริงจังกับเรื่องนี้

ส่วนตอนนี้สิ่งที่รัฐบาลทำได้ ก็คือ การสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ ว่าการเจรจาต้องมีได้ มีเสีย ส่วนกลุ่มคนที่เสียประโยชน์ รัฐบาลต้องหาวิธีเยียวยาให้

มาต่อกันที่มุมมองของคุณ เจษฎา

คุณ เจษฎา มองว่าความผันผวนในยุคของคุณ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเรื่องที่จัดการไม่ง่าย

ก่อนหน้านี้ คุณ เจษฎา เคยมองว่าผลกระทบจากคุณ ทรัมป์ จะไม่รุนแรงแต่ก็ผิดคาด

ส่วนประเด็นเรื่องภาษี คุณ เจษฎา แนะนำให้มองย้อนไปตอนปี 2019 ที่สหรัฐอเมริกามีการตั้งกำแพงภาษีกับจีน

ซึ่งในตอนนั้นตลาดก็ปรับตัวลงมาเหมือนกัน แต่ก็ฟื้นตัวไปต่อได้ ส่วนตลาดที่ขึ้นมาครั้งนี้มาพร้อมกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ก็ยังไม่ถึงกับถดถอย

และถ้าเกิดเศรษฐกิจเริ่มแย่ เติบโตไม่ดีจริง ตัวเลขการว่างงานเพิ่มขึ้น ธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็จะลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แล้วตลาดก็จะปรับตัวขึ้นต่อไปเอง

มาต่อกันที่มุมมองจากคุณ วศิน

คุณ วศิน มองว่า ถ้าดูที่ค่า PE หรือ มูลค่าบริษัทเทียบกับกำไร ของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ตอนนี้ถือว่าค่อนข้างสูง

แต่กำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาอาจยังเติบโตได้ ซึ่งอาจทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นต่อ

ส่วนนโยบายด้านภาษี คุณ วศิน มองว่าไม่ส่งผลดีต่อการเติบโตของโลก แต่คนที่ได้ประโยชน์จะเป็น ประเทศอย่างเวียดนาม และ อินเดีย

จากการกระจายฐานการผลิตออกจากจีนของบริษัทต่าง ๆ ที่จะทำให้ทั้ง 2 ประเทศนี้ มีการลงทุนเข้ามามากขึ้น

สุดท้ายมาดูมุมมองจากคุณ กสิณ กันบ้าง

คุณ กสิณ มองว่า ความผันผวน และ วิกฤติ ต่าง ๆ เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องเจอตลอดในโลกการลงทุน

แต่สถิติในอดีตนั้นทำให้เราเห็นว่า สุดท้ายแล้ววิกฤติก็จะผ่านไป โดย Finnomena จะคอยอยู่เป็นเพื่อนร่วมทางกับนักลงทุน และช่วยให้ทุกคนผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากไปด้วยกัน

อ่านมาถึงตรงนี้ จากมุมมอง และ ความเห็นของตัวแทน Finnomena Group แต่ละท่าน หลายคนก็คงเห็นแล้วว่า ตลาดหุ้นจะไม่ปรับตัวลงแรง โดยจะฟื้นตัว และปรับตัวขึ้นต่อ หลังการขึ้นภาษีของคุณ ทรัมป์

ส่วนกลุ่มประเทศที่เป็นผู้ชนะจากความไม่แน่นอนตรงนี้ ก็คือ กลุ่มตลาดเกิดใหม่ไม่รวมจีน อย่างเช่น เวียดนาม และ อินเดีย

ส่วนตลาดหุ้นไทยทาง Finnomena มองว่า ปัจจัยด้านราคา และ อัตราเงินปันผลตอบแทน อยู่ในระดับที่น่าสนใจ ถึงแม้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตช้า

และได้แนะนำให้นักลงทุนทยอยสะสมกองทุนกลุ่มปันผลสูง

ที่มา: Finnomena, Finnomena Press Release