กลุ่มธนาคารพาณิชย์ จำนวน 10 แห่ง ล่าสุดประกาศกำไรสุทธิ ไตรมาส 1 ปี 2565 รวมกันอยู่ที่ อยู่ที่ 53,339 ล้านบาท เติบโตขึ้น 14.40% จากช่วงไตรมาส 1 ปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 46,631 ล้านบาท
1. ธนาคารกสิกรไทย มีกำไรสุทธิ 11,211 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.50%
2. ธนาคารไทยพาณิชย์ มีกำไรสุทธิ 10,193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1%
3. ธนาคารกรุงไทย มีกำไรสุทธิ 8,780 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.40%
4. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีกำไรสุทธิ 7,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%
5. ธนาคารกรุงเทพ มีกำไรสุทธิ 7,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.80%
6. ธนาคารทหารไทยธนชาต มีกำไรสุทธิ 3,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%
7. ธนาคารเกียรตินาคินภัทร มีกำไรสุทธิ 2,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.52%
8. บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป มีกำไรสุทธิ 1,795 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.81%
9. ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย มีกำไรสุทธิ 1,061 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 211%
10.บมจ. แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป มีกำไรสุทธิ 512 ล้านบาท ลดลง 8.70%
บริษัทหลักทรัพย์(บล.) บัวหลวง ระบุว่า ได้ปรับเพิ่มกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ปี 2565 รวมทั้ง 8 ธนาคารที่ให้คำแนะนำขึ้น 1.8% เป็น 1.96 แสนล้านบาท เติบโต 9% จากปีก่อน โดยปรับสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อเพิ่มเติมจากเดิม 3.6% เป็น 4.4% เพื่อสะท้อนการเติบโตของจีดีพีปีนี้ของไทยตะเติบระดับ3% โดยมีมุมมองยังอนุรักษ์นิยมกว่าที่สภาพัฒน์ฯ จะคาดช่วง 3.5-4.5%
โดยการเติบโตปีนี้จะอิงจากปัจจัยบวกในประเทศมากกว่าปัจจัยกดดันสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ในขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) แม้จะหดตัว แต่จะชดเชยด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย (yields) ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยช่วงเงินเฟ้อขาขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจาการศึกษาความสัมพันธ์พบว่า yields และเงินเฟ้อมีทิศทางเดียวกันกว่า 50% ระหว่างปี 2545-2564
ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ จะเป็นผู้นำกำไรเติบโตในปี 2565 คือ ธนาคารกรุงเทพ(BBL) จะมีกำไรเติบโตที่ 23% , ธนาคารทหารไทยธนชาต(TTB) จะมีกำไรเติบโตที่ 19 และ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCBB) จะมีกำไรเติบโตที่ 15%ขณะที่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) จะมีกำไรลดลง 12% จากปีก่อน เนื่องจากฐานสูงในปีที่แล้วที่มีการขายเงินลงทุนใน Tบมจ.เงินติดล้อ(TIDLOR) เข้า IPO
โดยฝ่ายวิจัยฯ ได้มีการปรับราคาเป้าหมายขึ้นสำหรับ BAY, BBL และ KBANK และคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มฯ ที่ “มากกว่าตลาด” และหุ้น Top Picks เลือก BBL ให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 163 บาท และ KKP ราคาเป้าหมาย 78 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ภาพรวมกำไรของกลุ่มธนาคารที่ประกาศผลประกอบไตรมาส 1 ปี 2565 ออกมาแล้วถือว่าได้ค่อนข้างดี เนื่องจากการตั้งสำรองหนี้ทีมูลลดลงแบบที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีปัจจัยกังวลเรื่องหนี้ครัวเรือนที่เร่งตัวขึ้นมา ทำให้กลัวว่าการตั้งสำรองจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม แต่ปรากฏว่าผลออกมาอยู่ในมุมมองที่ตลาดคาดการณ์ไว้
รวมถึงมีปัจจัยบวกจากการขยายพอร์ตสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว และผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่สร้างบรรยากาศเชิงบวกให้กับการลงทุน และการบริโภคของภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น ทำให้คาดหวังว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ จะเปิดงบการเงินออกมาได้ดีตามด้วย
โดยก่อนหน้านี้ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์ในภาพรวม ไตรมาส 1 ปี 2565 อยู่ที่ 41,765 ล้านบาท เติบโต 6.5% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 โดยทิศทางในไตรมาส 2 ปี 2565 ประเมินว่างบจะออกมาไม่ดี หากเทียบกับไตรมาส 1 ปีนี้ที่ผ่านมา เพราะเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับราคาขึ้นมาแบบเต็มที่แล้ว