เรียกได้ว่าเป็นประเด็นมหากาพย์ที่ถกเถียงมายาวนานจริงๆ สำหรับคำถามที่ว่าสมาชิกบอยแบนด์สัญชาติเกาหลีที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง "BTS" จะต้องเข้ากรมเพื่อเป็นรับราชการเป็นทหารรับใช้ชาติ ตามกฎหมายที่กำหนดให้ชายชาวเกาหลีใต้ทุกคนที่มีอายุระหว่าง 18 – 28 ปี เข้าเกณฑ์ทหารเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 18 เดือน หรือ 1 ปี 6 เดือนหรือไม่
เพราะในปี 2020 หรือเมื่อ 2 ปีก่อนที่ คิมซอกจิน (Kim Seok-jin) หรือ ‘JIN’ และ มินยุนกิ (Min Yoon-gi) หรือ ‘SUGA’ สองสมาชิกที่อายุมากที่สุดในวงจะอายุครบ 28 ปี ประเด็นนี้ก็เคยเป็นที่ถกเถียงมาแล้ว แต่ก็ผ่านมาได้เมื่อรัฐสภาลงมติอนุมัติผ่อนผันให้สมาชิกในวง BTS เข้ารับใช้ชาติได้ก่อนอายุครบ 30 ปี ซึ่งก็เท่ากับผ่อนผันให้ 2 ปี
แต่เมื่อ 2 ปี ผ่านไป ประเด็นนี้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับการกลับมาของ ‘BTS Law’ หรือกฎหมายการยกเว้นการรับใช้ชาติให้กับผู้ชายเกาหลีใต้ที่ถือเป็นบุคคลสำคัญและ BTS ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศมากพอจนอาจจะเรียกว่าเป็นการรับใช้ชาติไปในตัว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีการผลักดันจากแฟนคลับและคนบางกลุ่มที่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ แต่เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา BigHit ต้นสังกัดของทั้ง 7 หนุ่มก็ได้ออกมาประกาศแล้วว่า ‘จิน’ พี่ใหญ่ของวงจะเข้ารับราชการเป็นทหารตามกำหนด หลังโปรโมตงานเพลงเดี่ยวเสร็จสิ้นปลายเดือนตุลาคมนี้ โดยสมาชิกคนอื่นๆ จะเข้ารับราชการตามมาเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมของแต่ละคน
เป็นแถลงการณ์ที่ทำให้การถกเถียงจบลงไป แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ BTS เป็นบอยแบนด์ที่โด่งดังไปทั่วโลก สร้างรายได้ให้ประเทศมากมายไม่ว่าจะผ่านการดึงดูดให้แฟนคลับเข้ามาท่องเที่ยว หรือการเผยแพร่ Soft Power ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก การหายไปของวง BTS ย่อมส่งผลเสียทางเศรษฐกิจไม่มากก็น้อยต่อประเทศเกาหลีใต้ที่มีรายได้หลักมาจากการขายและส่งออกสินค้าทางวัฒนธรรม
BTS บอยแบนด์ที่สร้างรายได้ให้เกาหลีต่อปีเท่ากับบริษัทขนาดกลาง 26 บริษัท
ถ้าอ้างอิงจากผลการวิจัยจากหน่วยงานในเกาหลี การหายไปของ BTS อาจทำให้ประเทศเกาหลีเสียรายได้จากทั้งการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าไปหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีเลยทีเดียว
ผลการวิจัยจาก Hyundai Research Institute ชี้ว่า BTS สร้างรายได้ต่อปีให้ประเทศเกาหลีถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งเท่ากับรายได้ที่บริษัทขนาดกลางในเกาหลีทำได้รวม 26 บริษัท
นอกจากนี้ สำหรับด้านการท่องเที่ยว ในปี 2017 มีผลวิจัยออกมาอีกว่า 1 ใน 13 นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าเกาหลีใต้ในปีนั้นเข้ามาเพราะ BTS ในปี 2018 ก็พบว่ามีนักท่องเที่ยวกว่า 800,000 คน หรือ 7% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดในปีนั้นเข้ามาเพราะ BTS
ส่วนในด้านการส่งออก ในปี 2017 สำนักข่าว Yonhap ก็ได้ออกมารายงานอีกว่ามูลค่าการส่งออกถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐมาจากการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ BTS หรือก็คือสินค้าที่ BTS เป็นพรีเซนเตอร์ หรือนำมาใช้จนเป็นที่รู้จักแพร่หลาย
โดยนักวิจัยยังคาดการณ์ไว้อีกว่าหาก BTS ยังรักษาความโด่งดังแบบนี้ไปได้เรื่อยๆ ในระหว่างปี 2014-2023 BTS จะสร้างรายได้ให้ประเทศเกาหลีรวมถึง 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
แต่เข้ากรมแล้วอาจปรับภาพลักษณ์ให้กองทัพเกาหลีได้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การหายไปในระยะสั้นของวง BTS และสมาชิกบางส่วนอาจมีผลกระทบต่อรายได้ของทั้งค่ายต้นสังกัดและเกาหลีบ้าง การเข้ากรมของสมาชิก BTS อาจเป็นผลดีต่อประเทศและกองทัพเพราะมันอาจเป็นการปรับภาพลักษณ์กองทัพ และอาจทำให้เกิดการพัฒนาด้านการรักษาสิทธิมนุษยชนของทหารขึ้นได้เพราะในช่วงเวลานั้นกองทัพจะอยู่ในความสนใจของสื่อและผู้คน
นอกจากนี้ จากการรายงานของ Business Insider นักวิเคราะห์บางส่วนยังมองอีกว่า การตัดสินใจเข้าเกณฑ์ทหารของ BTS ในครั้งนี้เป็นผลดีกับทั้งภาพลักษณ์ของวง และภาพลักษณ์ของประเทศเอง เพราะ BTS เป็นวงที่นอกจากจะโด่งดังในทางบันเทิง ยังเป็นที่รู้จักในวงการเมือง เพราะได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตทางวัฒนธรรมของประเทศ และมีกิจกรรมร่วมกับรัฐบาลเกาหลีใต้อยู่เสมอๆ ทำให้การเข้ารับใช้ชาติของ BTS เป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองที่ดี
อีกทั้งวง BTS ยังเป็นวงที่มีภาพลักษณ์เปิดเผย เข้าถึงง่าย มีเรื่องราวทัชใจผู้คน ดังนั้นการเข้าเกณฑ์ทหารกับเพื่อนร่วมชาติและไม่รับอภิสิทธิ์ใดๆ ก็เป็นการตัดสินใจที่สอดคล้องและส่งเสริมกับภาพลักษณ์ของวงแล้ว
ที่มา: Business Insider, SBS, Fortune