ข่าวเศรษฐกิจ

เปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่ม 5 ก.ย.นี้ เช็คขั้นตอนได้ที่นี่

3 ก.ย. 65
เปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่ม 5 ก.ย.นี้ เช็คขั้นตอนได้ที่นี่

กระทรวงการคลังเตรียมเปิดลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 5 กันยายนถึงวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565  โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบัน และผู้ที่ไม่เคยมีบัตรฯมาก่อนและต้องการจะลงทะเบียน มีขั้นตอนและสิทธิได้รับอะไรบ้าง SPOTLIGHT  สรุปมาให้ ดังนี้ 

เกณฑ์คุณสมบัติผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565

  1. สัญชาติไทย
  2. มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
  3. ต้องไม่เป็น ภิกษุ/สามเณร/นักพรต/นักบวช/ผู้ต้องขัง/ผู้ถูกกักกัน/ผู้ต้องกักขัง/บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ฯ/ข้าราชการ/พนักงานราชการ/พนักงาน/ลูกจ้าง/เจ้าหน้าที่/ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานรัฐ/ผู้รับบำเหน็จรายเดือน/ผู้รับบำนาญปกติหรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ/ข้าราชการการเมือง/ส.ส./ส.ว.
  4. บุคคล รายได้ต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท และครอบครัวมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท
  5. ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตร และตราสารหนี้ภาครัฐ
    (บุคคล : ทรัพย์สินทางการเงินต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท และครอบครัว : ทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยต่อคนต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท)
  6. ไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ (วงเงินกู้บ้าน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1.5 ล้านบาท, วงเงินกู้รถ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ล้านบาท)
  7. ต้องไม่มีบัตรเครดิต
  8. ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

        กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว 

  • ห้องชุด น้อยกว่าหรือเท่ากับ 35 ตารางเมตร
  • ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย แบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่ ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่น ที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรน้อยกว่าหรือเท่า 1 ไร่ และในกรณีที่ใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 10 ไร่
  • ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน) ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถว น้อยกว่าหรือเท่ากับ 25 ตารางวา, ใช้อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 10 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ไร่
  • โดยจะต้องมีขนาดพื้นที่รวมกันทั้งหมด
    เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 10 ไร่
    ไม่ใช่เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ไร่

        กรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว 

  • ห้องชุด
  • กรณีเป็นเจ้าของแยกจากกัน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 35 ตารางเมตรต่อคน
  • กรณีเป็นเจ้าของร่วมกัน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 35 ตารางเมตร
  • ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย
  • ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 2 ไร่
  • ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 20 ไร่
  • ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)

1.บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถว

  • กรณีเป็นเจ้าของแยกจากกัน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 25 ตารางวาต่อคน
  • กรณีเป็นเจ้าของร่วมกัน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 25 ตารางวา

2.ใช้อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดิน

  • เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 20 ไร่
  • หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 2 ไร่

ทั้งนี้ จะต้องมีขนาดพื้นที่รวมกันทั้งหมด

  • เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 20 ไร่
  • ไม่ใช่เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 2 ไร่

ระยะเวลาโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

 

ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 เมื่อไร ?
เปิดลงทะเบียนวันแรกวันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ถึงวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565

วิธีการลงทะเบียนทำอย่างไร ลงที่ไหนได้บ้าง

1.สามารถลงทะเบียนได้ผ่านทางเว็บไซต์  

https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th

2.หรือผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 7 หน่วยงาน ได้แก่

  1. สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

  2. ธนาคารออมสิน

  3. ธนาคารกรุงไทย

  4. สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ สังกัดกรมบัญชีกลาง

  5. ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ ภายใต้กระทรวงมหาดไทย

  6. สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ทั้ง 50 เขต

  7. และศาลาว่าการเมืองพัทยา เมืองพัทยา

รวมจุดรับลงทะเบียนไม่น้อยกว่า 7,000 จุด ทั่วประเทศ

***การลงทะเบียนโครงการฯ ปี 2565 ในครั้งนี้ จะเป็นการลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด ดังนั้น ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบัน และผู้ที่ไม่เคยมีบัตรฯ จะต้องลงทะเบียนใหม่ทุกคน*

 

 ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

การเตรียมการสำหรับผู้ลงทะเบียน

  1. การลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ มีขั้นตอนดำเนินการ ดังนี้

1.1 เข้าไปที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th เลือกปุ่ม "ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ"

1.2 เลือกปุ่ม "เริ่มลงทะเบียน" กรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน และ กดปุ่ม "ตรวจสอบข้อมูล"

1.3 กรอกข้อมูลตามบัตรประจำตัวประชาชน ได้แก่ ชื่อ สกุล วันเดือนปีเกิด และเลข laser หลังบัตร

1.4 กรอกข้อมูลผู้ลงทะเบียน ได้แก่ ที่อยู่ วุฒิการศึกษา สถานภาพครอบครัว (หากมีครอบครัว ต้องกรอกข้อมูลสมาชิกในครอบครัว) อาชีพ รายได้ และหนี้สิน

1.5 ตรวจสอบข้อมูลและกดปุ่ม "ยืนยันข้อมูล"

1.6 ผู้ลงทะเบียนที่โสด/ไม่มีครอบครัว กดยอมรับเงื่อนไขและยืนยันการลงทะเบียน เพื่อจบขั้นตอนการลงทะเบียน โดยไม่ต้องไปยื่นเอกสารหรือเดินทางไปหน่วยงานรับลงทะเบียน

1.7 ผู้ลงทะเบียนที่มีครอบครัว (มีคู่สมรส (สามีหรือภรรยาที่จดทะเบียนสมรส) และบุตรชอบด้วยกฎหมายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ เฉพาะที่ยังมีชีวิตอยู่ตามข้อมูลของกรมการปกครอง (แต่ไม่รวมบุตรบุญธรรม)) เมื่อกรอกข้อมูลทางเว็บไซต์สำเร็จ จะต้องเลือกหน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนสะดวก เพื่อไปยื่นเอกสารที่ลงลายมือชื่อครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียน ถึงจะถือว่าจบขั้นตอนการลงทะเบียน (หากไม่ได้เดินทางไปยื่นเอกสารที่หน่วยงานรับลงทะเบียน จะถือว่าลงทะเบียนไม่สำเร็จ)

1.8 ผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบผลการลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th เลือกปุ่ม "ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน" ได้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2565 เป็นต้นไป

 

  1. การลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน
    ผู้ลงทะเบียนจะต้องกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนให้ครบถ้วน พร้อมทั้งลงลายมือชื่อในเอกสารให้ครบถ้วน ทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัว เพื่อนำไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน ซึ่งจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้ลงทะเบียน รวมถึงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตร พร้อมลงลายมือชื่อในกรณีที่คู่สมรสและบุตรไม่ได้เดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียน

 

อย่างไรก็ดี หากคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียนเดินทางมาแสดงตัว ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนพร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงก็ไม่จำเป็นต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียน ทั้งนี้ แบบฟอร์มการลงทะเบียนสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของโครงการฯ หรือติดต่อขอรับได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วย

 

  1. ผู้ลงทะเบียนเป็นผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุ
    ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ ทั้งนี้ หนังสือมอบอำนาจสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของโครงการฯ หรือติดต่อขอรับได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วย

 

การเปิดรับลงทะเบียนในครั้งนี้ จะจัดให้มีผู้ช่วยอำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนตามจุดรับลงทะเบียน โดยจะต้องเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ หรือพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อความคุ้นเคยกับผู้ลงทะเบียนและสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง มีความร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการขอความอนุเคราะห์ให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ในการลงทะเบียน

 

ทั้งนี้ เมื่อลงทะเบียนตามขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์แล้วระบบจะแสดงข้อความว่า

“กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว” ขอให้ผู้ลงทะเบียนเข้ามาตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน ผ่านเว็บไซต์อีกครั้ง โดยกดปุ่ม “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” ซึ่งจะทราบผลการลงทะเบียนในวันศุกร์ของสัปดาห์ถัดไป

 

หากได้รับสิทธิ มีสวัสดิการอะไรบ้าง 

ผู้ถือบัตรที่จะได้รับเงินทุกวันที่ 1 ของเดือน (ไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป) ประกอบด้วย

  • วงเงินซื้อสินค้า 200 บาท/เดือน ในกลุ่มที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท
  • วงเงินซื้อสินค้า 300 บาท/เดือน ในกลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท
  • วงเงินซื้อสินค้าตามมาตรการเพิ่มกำลังซื้อ เดือนละ 200 บาท ตั้งแต่เดือนกันยายน-ตุลาคม 2565
  • ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาทต่อ 3 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 2565
  • ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาท/เดือน ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาท/เดือน ค่าโดยสารรถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL) และ ขสมก. 500 บาทต่อเดือน

ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพเพิ่มเติม ทุกวันที่ 15 ของเดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายน 2565 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • ผู้สูงอายุที่มีรายได้ 0-30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินช่วยเหลือ เดือนละ 100 บาท
  • ผู้สูงอายุที่มีรายได้ 30,001-100,000 บาทต่อปี ได้รับเงินช่วยเหลือ เดือนละ 50 บาท

เงินส่วนนี้สามารถใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC) หรือแอปถุงเงินประชารัฐ ที่ร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น หรือร้านค้าประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และสามารถถอนเป็นเงินสดได้ที่ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย หรือสาขาของธนาคารกรุงไทย

ผู้ถือบัตรที่จะได้รับเงินทุกวันที่ 18 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้) ประกอบด้วย

  • เงินคืนค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือน/เดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน) หรือใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย/เดือน
  • เงินคืนค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือน/เดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาท/เดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรเป็นผู้ชำระเอง)

ผู้ถือบัตรที่จะได้รับเงินทุกวันที่ 22 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้) ประกอบด้วย

  • เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ) โดยจะได้รับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563-กันยายน 2565

 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

 

ระยะเวลาการใช้จ่าย

คาดว่าจะสามารถเริ่มใช้จ่ายได้ช่วงมกราคม 2566

ด้านนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังบอกว่า  หากตรวจสอบพบว่าผลการลงทะเบียนสมบูรณ์แล้ว จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนกับหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติต่อไป และจะมีการประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติได้ในช่วงเดือนมกราคม 2566 โดยกระทรวงการคลัง จะแจ้งวันประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติให้ทราบอีกครั้ง

ทั้งนี้ การใช้สิทธิผ่านบัตรสวัสดิการในรอบใหม่ จะเป็นการใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชน ดังนั้น หลังการประกาศผล หากผู้ลงทะเบียนเป็นผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้ได้รับสิทธิฯ จะต้องไปยืนยันตัวตนผ่าน ธ.ก.ส ธนาคารออมสิน หรือธนาคารกรุงไทย ได้ตั้งแต่วันที่ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติเป็นต้นไป

สำหรับผู้สนใจเกี่ยวกับโครงการนี้ สามารถศึกษาข้อมูล เช่น คุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน ระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ ช่องทางการลงทะเบียน เป็นต้น เพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th

โฆษกกระทรวงการคลัง ย้ำว่า ในช่วงเวลาที่มีการเปิดรับลงทะเบียนโครงการฯ ผู้ที่มีบัตรฯ ปัจจุบันยังคงได้รับสิทธิสวัสดิการปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะมีการประกาศให้เริ่มใช้สิทธิสวัสดิการสำหรับผู้ได้รับสิทธิรอบใหม่ ซึ่งกระทรวงการคลังจะประกาศให้ทราบต่อไป

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT