ข่าวเศรษฐกิจ

สหรัฐล้างหนี้ กยศ. คนละ '3 แสน' ไบเดนเรียกคะแนนนิยมก่อนเลือกตั้ง

25 ส.ค. 65
สหรัฐล้างหนี้ กยศ. คนละ '3 แสน' ไบเดนเรียกคะแนนนิยมก่อนเลือกตั้ง

ย้อนกลับไปในปี 2020 เมื่อสมัยที่ โดนัลด์ ทรัมป์ และ โจ ไบเดน กำลังฟาดฟันกันเพื่อชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐนั้น หนึ่งในนโยบายที่ช่วยให้ไบเดนชิงชัยในศึกการเลือกตั้งได้คือ ‘Cancel Student Debt’ หรือล้างหนี้กยศ. ให้นักเรียนที่ได้กู้ยืมมาเพื่อการศึกษานั้น ล่าสุด หลังใช้เวลากว่า 2 ปี ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ทำตามสัญญาแล้ว

 

ไบเดนล้างหนี้ กยศ. สหรัฐ ‘คนละ 3 แสนบาท’

 

ไบเดน ล้างหนี้กยศ

ก่อนหน้านี้ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 Federal Student Aid (FSA) หรือ กยศ. สหรัฐฯ มีนโยบายพักชำระดอกเบี้ยและเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาให้กับลูกหนี้เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 ซึ่งนโยบายดังกล่าวกำลังจะหมดอายุลงในปลายเดือนสิงหาคม 2022 นี้ แต่ในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว ก็มีการ “ยกหนี้” หรือล้างหนี้ กยศ. ให้ลูกหนี้ไปบางส่วนด้วย รวมเป็นมูลค่ากว่า 32,000 ล้านดอลลาร์ (1.16 ล้านล้านบาท)



หลังจากทำให้ลูกหนี้ กยศ. รอคอยมานาน ล่าสุดเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค. 22) ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้แถลงชัดเจนแล้วว่า จะล้างหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาให้กับลูกหนี้ จำนวน 10,000 ดอลลาร์ต่อราย (3.6 แสนบาท) และจำนวน 20,000 ดอลลาร์ต่อราย (7.2 แสนบาท) สำหรับผู้ที่ได้รับทุน Pell Grant (ทุนอุดหนุนสำหรับผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์) จำกัดเฉพาะลูกหนี้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 125,000 บาทต่อปี (4.5 ล้านบาท) นอกจากนี้ ยังขยายการพักชำระหนี้ให้ 'เป็นครั้งสุดท้าย' จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2022 นี้อีดด้วย

ผลสำรวจจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก พบว่า การยกหนี้ 10,000 ดอลลาร์ต่อหัวนั้น จะช่วยล้างหนี้ ให้กับลูกหนี้ กยศ. สหรัฐ ราว 11.8 ล้านคน หรือคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 เลยทีเดียว แน่นอนว่า การการยกหนี้ให้กับประชาชนเพียงบางกลุ่มเช่นนี้ จะต้องสร้างความไม่พอใจให้กับคนบางกลุ่มอย่างแน่นอน เพราะไม่ใช่คนทุกกลุ่มในสหรัฐ ที่จะผ่านระบบการศึกษา และไม่ใช่ว่านักเรียนทุกคนจะกู้เงินเรียน 


ฝ่ายเสรีนิยม : อยากให้ยกหนี้ให้ทุกคน

 

หนี้กยศ

สำหรับฝ่ายเสรีนิยม มองว่านโยบายดังกล่าว ‘ไม่แฟร์พอ’ เพราะเป็นการยากที่จะกำหนดว่า ใครสมควรจะได้รับการยกหนี้ ใครไม่สมควร ซึ่งก่อนหน้านี้ ในช่วงเลือกตั้งขั้นต้นปี 2020 เอลิซาเบธ วอร์เรน และ เบอร์นี แซนเดอร์ส สองวุฒิสมาชิกสหรัฐฝ่ายเอียงซ้าย เคยเสนอให้ยกหนี้ขั้นต่ำรายละ 50,000 ดอลลาร์หรือมากกว่า

แม้แต่ตัวไบเดนเอง ในตอนหาเสียงที่เคยเสนอนโยบายยกหนี้ 10,000 ดอลลาร์ต่อคนนั้น ก็ไม่ได้มีแผนที่จะกำหนดรายได้สูงสุดเอาไว้ แต่ด้วยสถานการณ์เงินเฟ้อและเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงต้องลดจำนวนกลุ่มผู้ได้รับการช่วยเหลือให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น อย่างไรก็ดี มาตรการล้างหนี้ในครั้งนี้ก็น่าจะช่วยเรียกคะแนนนิยมจากกลุ่มคนหนุ่มสาว โดยเฉพาะในช่วงปลายปี 2022 นี้ ที่จะมี ‘เลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐ’ ขณะที่ผลสำรวจจากเฟด นิวยอร์ก พบว่า 67% ของผู้กู้ยืมเพื่อการศึกษามีอายุต่ำกว่า 40 ปีกันทั้งสิ้น


ฝ่ายอนุรักษ์นิยม : มองว่าเป็นการซื้อคะแนนเสียง ด้วยภาษีประชาชน

การเมืองสหรัฐ

หากตัวเลขผู้ได้รับการยกหนี้เป็นไปตามที่เฟด นิวยอร์ก คาดการณ์ นั่นหมายความว่า สหรัฐกำลังจะยกหนี้มูลค่ากว่า 1.18 แสนล้านดอลลาร์ (4.25 ล้านล้านบาท) ให้กับลูกหนี้ทางการศึกษา ซึ่งเป็นประชากรเพียงส่วนหนึ่งของสหรัฐแบบฟรีๆ

ด้านพรรคริพับลิกันที่กำลังจะมาชิงที่นั่งกับพรรคเดโมแครตของไบเดนนั้น กลับมองว่า นโยบายดังกล่าวกลับส่งผลดีให้กับพรรคฝ่ายตัวเอง แม้นโยบายยกหนี้ให้กับกลุ่มคนที่มีการศึกษาเช่นนี้ ยิ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มคนรวยด้วยภาษีของส่วนรวม ซึ่งจะทำให้พรรคเดโมแครตเสียคะแนนจากหลายรัฐซึ่งเป็นกลุ่มชนชั้นแรงงานที่ไม่ได้ใช้ใบปริญญาในการหาเลี้ยงชีพ นอกจากนี้ ประชาชนบางส่วนยังมองว่า นโนบายดังกล่าวจะแว้งกลับมาทำร้ายรัฐบาลไบเดนเอง เพราะสภาคองเกรสไม่เคยให้อำนาจประธานาธิบดีล้างหนี้ด้วยตัวเองมาก่อน


 
คะแนนนิยมไบเดนเริ่มกระเตื้อง

 

คะแนนนิยม ไบเดน

 

นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมิถุยน ที่คะแนนนิยมของประธานาธิบดีไบเดน กลับมาอยู่ที่ระดับเหนือ 40% อีกครั้ง ที่ 41% อ้างอิงจากการสำรวจล่าสุดของรอยเตอร์และอิปซอส โดยคะแนนจากอเมริกันชนที่สนับสนุนพรรคเดโมแครต เพิ่มขึ้นเป็น 78% จากเดิม 69% ส่วนประชาชนที่สนับสนุนพรรครีพับลิกัน พอใจในผลงานของไบเดนเพียง 12% เท่านั้น

คะแนนนิยมของประธานาธิบดีไบเดนนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่า 50% มาเป็นเวลาร่วม 1 ปีเต็มแล้ว จากผลงานการแก้ปัญหาเงินเฟ้อและเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 แบบไม่ค่อยน่าพึงพอใจเท่าใดนัก คะแนนที่พลิกกลับมาในครั้งนี้ เกิดขึ้นจาก การผลักดันกฎหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศผิดธรรมชาติ การลดราคายารักษาโรค และการกระตุ้นให้สหรัฐฯ มีศักยภาพในการแข่งขันกับจีนในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ซึ่งหากในการเลือกตั้งกลางเทอมที่กำลังจะถึงนี้ พรรคเดโมแครตเสียคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในสภาล่าง ก็อาจทำให้การผลักดันกฎหมายสำคัญของประธานาธิบดีไบเดน สะดุดลงได้

 

ที่มา  : Washington Post, VOA, Prachatai, BBC

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT