รัฐบาลแบกไม่ไหว ม็อบรรทุกขอดีเซลลิตรละ 25 บาท ต้องใช้เงินอุ้มปีละ 2.4 แสนล้าน ด้านม็อบฯ จัดกิจกรรมรวมทัพรถใช้น้ำมันแพงวิ่งทั่ว กทม. 7-8 ก.พ. นี้ ขับไล่ รมว.กระทรวงพลังงาน ออกจากตำแหน่ง นายกฯ กำชับดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสม เน้นดูแลประชาชนภาพใหญ่ ลดผลกระทบต่อธุรกิจให้มากที่สุด
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีสมาคมสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ประกาศจัดกิจกรรมรวมทัพรถใช้น้ำมันแพงวิ่งทั่วกรุงเทพฯ เพื่อแสดงพลังและจะขับไล่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกจากตำแหน่งอีกด้วย ในช่วงวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ 2565 ว่า รัฐบาลเข้าใจทุกปัญหาและได้ดำเนินการตรึงราคาพลังงานไว้ โดยขอวอนให้เข้าใจสถานการณ์
ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านเรา ราคาน้ำมันวันนี้ส่วนใหญ่เกิน 30 บาท/ลิตร หรือใกล้เคียง โดยมีปัจจัยหลายอย่าง เช่น คุณภาพแต่ละประเภทอาจมีความแตกต่างกัน ยกเว้นประเทศมาเลเซีย ที่มีการผลิตน้ำมันในประเทศ เกินความต้องการ ทั้งนี้หากรัฐบาลไม่ตรึงราคาพลังงานไว้ วันนี้ ราคาขายดีเซลที่แท้จริงจะสูงกว่านี้ อาจถึง 34 บาท/ ลิตร หากทำตามที่เรียกร้องเดิมที่ 25 บาท/ลิตร จะต้องใช้เงินสนับสนุนถึงเดือนละ 20,000 ล้านบาท หรือปีละ 240,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงเกินกว่าจะแบกรับไว้ได้ ที่สำคัญ นายกรัฐมนตรีเน้นดำเนินนโยบายต้องไม่บิดเบือนกลไกตลาด หรือสร้างภาระงบประมาณในอนาคต
ขณะที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้นโยบาลดูแลระดับราคาพลังงานให้เหมาะสม เน้นดูแลประชาชนในภาพใหญ่ ลดผลกระทบต่อธุรกิจให้มากที่สุด ที่ผ่านมารัฐบาลและกระทรวงพลังงานได้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้ามาช่วยเหลือประชาชน ด้วยการตรึงราคาค่าการตลาด และราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร
“ผู้ประกอบการภาคธุรกิจส่วนใหญ่รวมทั้งประชาชนเข้าใจดีว่า ราคาพลังงานและน้ำมันโลกทุกวันนี้ เป็นไปตามกลไกตลาดเสรี และราคาพลังงานในประเทศทุกวันนี้ ผู้ประกอบขนส่งยังสามารถประกอบธุรกิจและสอดคล้องกับเศรษฐกิจไทย ณ ขณะนี้” นายธนกร กล่าว