เมื่อไทย-กัมพูา ปะทะเดือด เศรษฐกิจกระทบแค่ไหน
สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่ยกระดับการตอบโต้ที่รุนแรงขึ้น มีผลต่อเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไทยกระทบแค่ไหน? เมื่่อสถานการณ์วันนี้เปลี่ยนไป ชายแดนปะทะเดือดจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ก่อนหน้านี้ข้อมูลจาก SCB EIC ระบุว่าถึง สถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา คือ แรงกดดันที่เป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจโดยขึ้นอยู่กับระดับของสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น ยืดเยื้อ ก็ทำให้ผลกระทบมากขึ้น ทั้งนี้มีการสำรวจเศรษฐไทยใน 4 ส่วนสำคัญคือ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และแรงงาน
ด้านการค้า
การปิดด่านศุลกากรจะกระทบการค้าชายแดนถึง 44% ของมูลค่าการค้าไทย–กัมพูชาหากสถานการณ์ยืดเยื้อ ผู้ประกอบการต้องพึ่งพาการขนส่งทางเรือกระทบต้นทุนขนส่ง
- ไทยส่งออกไปกัมพูชา มูลค่า 9,239 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ปี 2024) หรือ 3.1% ของมูลค่าการส่งออกไทยรวม สินค้าส่วนใหญ่เป็น สินค้าอุตสาหกรรมประมาณ 63.6% สินค้าส่งออกสำคัญได้แก่ เครื่องดื่ม น้ำแร่ น้ำอัดลม ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ นอกจากนี้ไทยส่งน้ำมันสำเร็จรูป 10% ของการผลิตน้ำมันทั้งหมด โดยส่งออกไปกัมพูชา 25%
- ไทยนำเข้าจากกัมพูชา เพียง 302 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ปี 2024) คิดเป็น 0.4% ของมูลค่านำเข้าไทยรวม สินค้านำเข้าเช่น สินแร่ เศษโลหะ อัญมณี ผักผลไม้ เสื้อผ้า
ด้านการลงทุน
การลงทุนใหม่ของธุรกิจไทยในกัมพูชามีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องมากขึ้น หากเหตุการณ์รุนแรง ธุรกิจเรียกพนักงานกลับ จะเกิดการชะลอการลงทุนรอดูสถานการณ์
การลงทุนทางตรงของไทยในกัมพูชา (Flow ปี 2024) คิดเป็น 1.7% ของการลงทุนไทยในต่างประเทศ
- แนวโน้มการลงทุนใหม่ถูกกดันจากความเชื่อมั่นที่ลดลง เพิ่มจากปัญหาภาษีสหรัฐฯและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์เดิมที่มีอยู่แล้ว
- ธุรกิจไทย ที่มีการลงทุนในกัมพูชาส่วนใหญ่เป็นธุรกิจบริการและก่อสร้าง ซึงบางกิจการอาจมีความเสี่ยงจากประเด็นชาตินิยม
ด้านแรงงาน
ผลกระทบต่อตลาดแรงงานไทยมีบ้าง แต่คาดว่าทดแทนกันได้ - หากเหตุการณ์รุนแรง แรงงานชาวกัมพูชาในภาคก่อสร้าง เกษตร และบริการอาจขาดแคลนในระยะสั้น ทั้งนี้ไทยพึ่งพาแรงงานกัมพูชาราว 1 ล้านคน หรือ 2.5% ของกำลังแรงงานไทย (ณ พ.ค. 2025)
- เกือบครึ่งหนึ่งเป็นแรงงานที่ได้รับอนุญาตทำงาน (12.5%ของแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานในไทย)
- หากความขัดแย้งไม่รุนแรง โอกาสที่่แรงงานกัมพูชาจะย้ายกลับประเทศมีน้อย เพราะค่าแรงกัมพูชาต่ำกว่าไทยมาก
- ตลาดแรงงานในไทย พึ่งพาแรงงานเมียนมามากถึง 73% ซึ่งสามารถทดแทนแรงงานกัมพูชาได้
ด้านการท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวของไทย–กัมพูชามีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องจังหวัดใกล้ชายแดนจะได้รับผลกระทบมากกว่า
- นักท่องเที่ยวกัมพูชาส่วนใหญ่เดินทางทางบกผ่านจังหวัดชายแดน ณ พ.ค. 2025 นักท่องเที่ยวกัมพูชาที่เดินทางมาไทย 36,430 คน (-21%YOY) ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
หอการค้าไทยเชื่อ ทุกอย่างจะฟื้นตัวได้หลังสถานการณ์กลับมาปกติ
ด้านหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์การปะทะกันบริเวณชายแดรไทย-กัมพูชาวันนี้โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพ ความมั่นคง และความร่วมมือในระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ
ในด้านการค้าการลงทุน หอการค้าไทยขอยืนยันว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยยังคงเปิดด่านการค้าอย่างต่อเนื่องและไม่เคยมีนโยบายปิดกั้นการค้าชายแดน อย่างไรก็ตาม มาตรการด้านความมั่นคงและสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดการชะลอตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะสามารถกลับมาฟื้นตัวหลังสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ขณะเดียวกัน หอการค้าไทยได้ส่งกำลังใจไปยังกำลังพลของกองทัพไทย และหน่วยงานด้านความมั่นคงทุกภาคส่วน ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งในการปกป้องอธิปไตยของชาติ
ธนาคารกรุงไทยประกาศปิด 7จังหวัด 14 สาขาเสี่ยง
ล่าสุดธนาคารกรุงไทย ประกาศปิดสาขาที่มีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนและลูกค้า เนื่องจากความไม่สงบที่เกิดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ 24 ก.ค.2568 เป็นการชั่วคราว ดังนี้
- สาขากันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
- สาขาขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ จ.สุรินทร์
- สาขาสังขะ จ.สุรินทร์
- สาขาปราสาท จ.สุรินทร์ จ.สระแก้ว
- สาขาตาพระยา จ.สระแก้ว
- สาขาอรัญประเทศ จ.สระแก้ว
- สาขาวัฒนานคร จ.สระแก้ว จ.จันทบุรี
- สาขาสอยดาว จ.จันทบุรี
- สาจาโป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี จ.ตราด
- สาขาตราด จ.ตราด
- สาขาคลองใหญ่ จ.ตราด
- สาขาร้านค้าสหกรณ์จังหวัดตราด จ.ตราด จ.บุรีรัมย์
- สาขาละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จ.อุบลราชธานี
- สาขาบุณฑริก จ.อุบลราชธานี
โดยลูกค้าสามารถใช้บริการได้ที่สาขาใกล้เคียง และสามารถค้นหาสาขาได้ที่ https://krungthai.com/th/contact-us/ktb-location หรือทำธุรกรรมผ่าน Krungthai NEXT หรือ ตู้ ATM
