สินทรัพย์ดิจิทัล

ทำไม บริษัทคริปโทไหนๆ ก็อยากไปสิงคโปร์? เหมาะกับบริษัทคริปโทอย่างไร?

16 ต.ค. 65
ทำไม บริษัทคริปโทไหนๆ ก็อยากไปสิงคโปร์? เหมาะกับบริษัทคริปโทอย่างไร?

สิงคโปร์ เป็นประเทศที่เป็น ‘Crypto Destination’ ที่หลากหลายบริษัทคริปโทระดับโลก เลือกเข้ามาจดตั้งบริษัท และทำธุรกิจที่นี่ ด้วยความพร้อมทางด้านการเป็นศูนย์กลางทางด้านการเงินอันดับต้นๆ ของโลก เทคโนโลยี รวมถึงนโยบายการกำกับดูแลที่โปร่งใสและชัดเจน เอื้อต่อการเติบโต รวมถึงการระดมทุนของบริษัทด้านการเงินแห่งอนาคตเหล่านี้

 

Bitkub singapore



ดังเช่นล่าสุด เอ็กซ์เชนจ์เบอร์ 1 ของสหรัฐ ‘Coinbase’ ที่เพิ่งได้รับใบอนุญาตเพื่อให้บริการ Digital Payment Token จากธนาคารกลางสิงคโปร์ หรือกระแสข่าวที่ว่า ‘Bitkub’ กำลังเล็งที่จะไปจดทะเบียนบริษัทในสิงคโปร์ จากการที่ข้อมูลบนเว็บไซต์ Bizfile โดยรัฐบาลสิงคโปร์ ปรากฏชื่อของ ‘KUB CHAIN PRIVATE LIMITED’ ตั้งอยู่บนตั้งอยู่ในย่าน International Plaza ของสิงคโปร์ ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาด้าน IT และ ‘XRB GALAXY PTE. LTD.' บริษัทผู้พัฒนาของเมตาเวิร์สของ Bitkub
 



ทำไมสิงคโปร์จึงกลายเป็นศูนย์กลางแห่งโลกคริปโท?

 

Crypto Singapore

 

บทความจาก Cointelegraph ได้กล่าวถึงเหตุผลที่ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นประเทศที่ ‘เป็นมิตรต่อธุรกิจในโลกคริปโท’ ว่าประกอบไปด้วยหลายปัจจัยด้วยกัน อาทิ


มีกฎหมายด้านการคุ้มครองผู้บริโภคด้านคริปโทเคอเรนซีที่แข็งแกร่ง

ธนาคารแห่งชาติของสิงคโปร์ (the Monetary Authority of Singapore : MAS) มีความพร้อมในการใช้นโยบายด้านการกำกับดูแลวงการคริปโทเคอร์เรนซีเพื่อปกป้องผู้บริโภค ดังเช่นในช่วงที่แวดวงคริปโทเริ่มระส่ำระส่ายในช่วงต้นปี แบงก์ชาติสิงคโปร์ก็ออกมาคุมโฆษณาที่เกี่ยวกับกับคริปโท และแบนตู้ ATM คริปโท โดยให้เหตุผลว่า แบงก์ชาติยังคงสนับสนุนบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล และต้องไม่ให้ประชาชนมองข้ามความเสี่ยงในระดับสูงที่มาพร้อมกับการเทรดคริปโท



กฎหมายด้านบริการการชำระเงิน (Payment Services Act)

 

ธนาคารกลางสิงคโปร์มีความรัดกุมในการเลือกอนุญาตในการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี โดยจำนวนผู้ขออนุญาตจำนวนมาก จะมีผู้ได้รับอนุญาตที่ผ่านเกณฑ์ของธนาคารกลาง และได้รับอนุญาตในการประกอบธุรกิจเพียงหยิบมือเท่านั้น โดยกฎหมายด้านบริการการชำระเงิน เป็นหนึ่งในกฎหมายที่ถูกตราขึ้นมาเพื่อบังคับใช้กำกับดูแลระบบการชำระเงิน และผู้ให้บริการระบบการชำระเงิน ภายใต้แนวทางด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

 

การเก็บภาษีคริปโทเคอร์เรนซี

 

ประเทศสิงคโปร์ใช้นโยบายละเว้นการเก็บภาษีจากการใช้โทเคนชำระค่าสินค้าและบริการตั้งแต่ปี 2020 ที่ผ่านมา แถมการที่สิงคโปร์ไม่มีนโยบายการเก็บภาษีจากส่วนต่างกำไร (Capital Gain) ที่ได้จากการขายสินทรัพย์ ทำให้กำไรจากคริปโทเคอร์เรนซี ไม่โดนเก็บภาษีเช่นกัน

 

การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้

 

ประเทศสิงคโปร์ได้นำเทคโนโลยีบล็อคเชนใช้ในเศรษฐกิจของประเทศในหลายด้านด้วยกัน โดยแบงก์ชาติสิงคโปร์สนับสนุนการนำคริปโทเคอร์เรนซีและบล็อกเชนมาใช้ในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ เพราะจะช่วยร่นระยะเวลาและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ยังไม่สนับสนุนการใช้คริปโทเคอเรนซีในฐานะเงินตราเพราะยังไม่มีเสถียรภาพมากเพียงพอ แถมแบงก์ชาติสิงคโปร์ยังเดินหน้าทดสอบ Central bank digital currency (CBDC) เพื่อเตรียมนำมาใช้งานในการโอนเงินระหว่างประเทศอีกด้วย

เหมืองขุดคริปโทสีเขียว

 

สิงคโปร์มีบริษัทที่ทำธุรกิจด้านเหมืองขุดคริปโทเคอร์เรนซีหลายรายที่เป็นมิตรต่อโลก ซึ่งก่อนหน้านี้อุตสาหกรรมการขุดคริปโทเคอร์เรนซีถูกมองว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานมหาศาล และทำลายสิ่งแวดล้อม บริษัทอย่าง Saitech เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านการขุดเหมืองคริปโทสัญชาติสิงคโปร์ ซึ่งใช้พลังงานส่วนเกินจากการผลิตพลังงานเพื่อการอยู่อาศัย, การเกษตร และอุตสาหกรรม มาเป็นแหล่งพลังงานในการขุดเหรียญ ในขณะที่บริษัท Bitdeer ใช้พลังงานจากกระแสไฟฟ้าพลังงานน้ำและแสงอาทิตย์
 

วงการสตาร์ทอัพ

 

‘Tribe Accelerator’ เป็นโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพที่มีเป้าหมายในการสร้างธุรกิจที่จะช่วยขยายการใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชนไปทั่วทั้งเอเชีย นอกเหนือจากภาคบริการทางการเงิน นับเป็น Acelerator รายแรกที่สนับสนุนโดยรัฐบาลสิงคโปร์ และแถมยังมีพันธมิตรเป็น แบงก์ชาติสิงคโปร์, Temasek, Citibank, IBM, Intel และ BMW อีกด้วย โดย Tribe Accelerator ได้ปั้นสตาร์ทอัพหน้าใหม่ขึ้นแล้วมากกว่า 50 ราย มูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านบาท
 


มหันตภัยคริปโทที่เกิดขึ้นก็ทำให้สิงคโปร์ทรงเสน่ห์น้อยลง

 

LUNA Do Kwon



แม้จะเป็นประเทศที่เปิดกว้างและสนับสนุนการพัฒนาบล็อกเชน และคริปโทเคอร์เรนซี แต่ต้นเหตุของมหันตภัยทางด้านคริปโทอย่าง Terraform Labs เจ้าของเหรียญ LUNA-TerraUSD หรือ Three Arrows Capital (3AC) ก็มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อชื่อเสียงในฐานะการเป็นประเทศที่เป็นมิตรต่อธุรกิจคริปโท และอาจทำให้เมืองคู่แห่งอย่าง ดูไบ และซูริช ทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาได้

โดยหลังเกิดเหตุการณ์ที่มีต้นเหตุมาจากสองบริษัทนี้ แบงก์ชาติสิงคโปร์ไม่ได้มีการลงโทษบริษัทที่เป็นต้นเหตุอย่างชัดเจน พร้อมระบุว่า บริษัทต่างๆ ที่เกิดปัญหา ไม่ได้รับการอนุญาตในการให้บริการจากแบงก์ชาติ จึงทำให้ไม่สามารถเอาผิดได้

 

ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงคริปโทกล่าวว่า หน่วยงานกำกับดูแลในสิงคโปร์ยังแก้ไขสถานการณ์ได้ไม่ดีพอ ในการลงโทษหรือสืบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่า สิงคโปร์กำลังตกที่นั่งลำบากในการหาสมดุลระหว่างการเป็นผู้นำแห่งโลกการเงินที่ควรค่าแก่การเชื่อถือ และฮับด้านนวัตกรรมทางการเงินของโลกใหม่ ที่นับวันจะก่อให้เกิดผู้กระทำความผิดในโลกการเงินมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ที่มา : Coin Telegraph, Financial Times, BizFile, CNBC, Ultimate App Maker

advertisement

SPOTLIGHT