ธุรกิจการตลาด

’วนรัชต์ ทายาท TOA' ดอดเข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีทุจริตหุ้น STARK แล้ว

1 ส.ค. 66
’วนรัชต์ ทายาท TOA' ดอดเข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีทุจริตหุ้น STARK แล้ว

'วนรัชต์ ทายาท TOA' ดอดเข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีทุจริตหุ้น STARK แล้ววันนี้  พร้อมขอส่งหนังสือแก้ข้อกล่าวหาและปฏิเสธทุกกรณี 

DSI เตรียมประชุมสรุปความคืบหน้าพรุ่งนี้ ด้าน 'พ.ต.ต.ยุทธนา' หน.ชุดสอบสวน เผย เอกสารแต่งตั้งหน้าที่บอร์ดในบริษัท สวนทางกับพฤติการณ์

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ และในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีหุ้นสตาร์ค เผยว่า นายวนรัชต์ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนและรับทราบข้อกล่าวหาในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนแล้ว เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 

โดยส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามที่สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้กับดีเอสไอ 

จากก่อนหน้านี้ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ได้มีการแจ้งเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับดีเอสไอโดยเจ้าตัวอ้างเหตุผลป่วยพร้อมแนบใบรับรองแพทย์ให้กับพนักงานสอบสวนนั้น 

“ เจ้าตัวยืนยันปฏิเสธทุกข้อหา ก่อนนัดหมายขอส่งเป็นหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในภายหลัง” พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าว

ทั้งนี้ พฤติการณ์ระหว่างนายวนรัชต์ และนายชนินทร์ อาจจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็มีลักษณะเข้าข่ายร่วมกันฉ้อโกงเช่นเดียวกัน และไม่จำเป็นที่ทุกคนในเรื่องนี้จะต้องกระทำเหมือนกัน 

หาก ก.ล.ต. เล็งเห็นว่า บุคคลใดมีส่วนรู้เห็นด้วยกันอย่างไร หรือมีพฤติการณ์การแบ่งหน้าที่กันทำ ก็ย่อมเข้าองค์ประกอบได้ 

ดังนั้น เมื่อมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ดีเอสไอในฐานะบังคับใช้กฎหมายและสอบสวน ก็มีหน้าที่จะต้องสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงให้ยุติ 

สำหรับประเด็นที่ ก.ล.ต. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษทั้ง 10 รายต่อดีเอสไอ เมื่อบุคคลหรือนิติบุคคลเข้ารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมขอชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว

จากนั้น พนักงานสอบสวนก็จะต้องพิจารณาว่า ผู้ต้องหามีการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาอย่างไรบ้าง

ยกตัวอย่าง เช่น  นายวนรัชต์อาจจะชี้แจงว่า ได้ปล่อยให้นายชนินทร์เป็นผู้บริหารจัดการเรื่องใดๆ

ดีเอสไอก็ต้องพิสูจน์ว่า เป็นไปตามที่ผู้ต้องหาชี้แจงหรือไม่ หรือเจ้าตัวได้รับประโยชน์ใดจากการมอบอำนาจดังกล่าวหรือไม่ 

โดยดีเอสไอเองก็ต้องใช้เวลาในการรวบรวมคำให้การต่างๆ ไปพิจารณาประกอบกับพยานหลักฐานอีกหลายส่วน เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงที่เป็นธรรมต่อทุกคนที่สุด

ส่วนข้อซักถามที่ว่า พยานเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่รับผิดชอบของบุคลากรผู้บริหารของแต่ละบริษัทที่เกี่ยวข้อง 

รวมถึง หนังสือจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อตรวจสอบว่าในช่วงระหว่างการเกิดเหตุ ใครเป็นผู้ลงนาม กรรมการบริษัทในขณะนั้นมีใครบ้าง และวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งและดำเนินงานของบริษัท ดีเอสไอได้รับครบถ้วนแล้วหรือไม่นั้น 

พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า คณะพนักงานสอบสวนได้รับข้อมูลดังกล่าวครบเรียบร้อยแล้ว และทราบว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องและทำหน้าที่อะไรบ้างในช่วงเกิดเหตุ และแม้ว่าตัวหนังสือลายลักษณ์อักษรจะปรากฏข้อมูลใดก็ตาม 

แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้มองเเค่เนื้อหาสาระ แต่ตะมองตามความเป็นจริง เนื่องจากเอกสารกับพฤติการณ์จริงมันมีความแตกต่างกันอยู่ บางช่วงบางตอนในหนังสือมีการแต่งตั้งให้ใครทำหน้าที่ใด แต่ความเป็นจริงกลับไม่ตรงกัน บางคนอาจจะรู้เรื่องทั้งหมด และดำเนินการเองทั้งหมด หรือบางคนอาจจะรู้เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม ในวันพุธที่ 2 ส.ค.นี้ คณะพนักงานสอบสวนจะมีการประชุมหารือถึงความคืบหน้าทางคดี ทั้งในส่วนของเนื้อหาภายในสำนวน ผลการสอบปากคำพยานบุคคล คำให้การของผู้ต้องหา รวมถึงแนวทางการสอบสวน การแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมหลังจากนี้อีกด้วย เพื่อให้สำนวนคดีมีความครบถ้วน

กรณีทุจริตหุ้น STARK นั้น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ให้ดำเนินคดีกับบุคคลและนิติบุคคลจำนวนทั้งสิ้น 10 ราย 

โดยมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริตทางการเงินของ บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยที่ผ่านมาคณะพนักงานสอบสวน กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ได้ดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ, นายชินวัฒน์ อัศวโภคี, นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม 

ส่วนหมายจับทั้งหมด 3 ราย ประกอบด้วย นายชนินทร์ เย็นสุดใจ, นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ, น.ส.ยสบวร อำมฤต ซึ่งในจำนวนนี้มีเพียงนายศรัทธา และ น.ส.ยสบวร ที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหาและให้การปฏิเสธ พร้อมขอยื่นเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในภายหลัง 

ส่วนนายวนรัชต์ ภายหลังการออกหมายเรียกผู้ต้องหา เจ้าตัวได้ขอเลื่อนนัดหมายอ้างเหตุป่วย โดยมีใบรับรองแพทย์ประกอบแจ้งมายังพนักงานสอบสวน 

ขณะที่กรณีของนายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัทสตาร์คฯ ที่อยู่ระหว่างการหนีหมายจับ ซึ่งขณะนี้ ดีเอสไอได้ประสานไปยังองค์การตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล เพื่อดำเนินการออกหมายน้ำเงิน ขอความร่วมมือตำรวจสากลทั่วโลกตามหาถิ่นที่อยู่ของผู้ต้องหา เพื่อนำตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดี และประสานไปยังกรมการกงสุล ยกเลิกหนังสือเดินทางแก่นายชนินทร์ 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT