ธุรกิจการตลาด

เปิดประวัติ 'ขันเงิน เนื้อนวล' เจ้าของใหม่ 'M Pictures'

23 พ.ค. 66
เปิดประวัติ 'ขันเงิน เนื้อนวล' เจ้าของใหม่ 'M Pictures'

เป็นข่าวใหญ่ในวงการบันเทิงไทย เมื่อ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ Major แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ‘ขัน’ ขันเงิน เนื้อนวล ศิลปินและผู้ก่อตั้ง ‘ไทยเทเนี่ยม’ วงฮิปฮอปรุ่นบุกเบิกของไทย ได้เข้าซื้อหุ้น 92.46% ของ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์ เทนเม้นท์ จํากัด (มหาชน) (“MPIC”)  ที่ Major ถือไว้เรียบร้อยแล้ว

โดยในการซื้อหุ้นครั้งนี้ ขันได้ลงทุนเงินทั้งหมด 650 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อหุ้นจำนวนถึง 1,202,130,480 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.54 บาท และทำให้เขาขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 แทน Major และกลายเป็นเจ้าของคนใหม่ของ M Pictures ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทจัดซื้อจัดจำหน่ายภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

‘ขันเงิน’ เจ้าของ M Pictures เป็นใคร และมีประวัติการทำงานอย่างไรบ้างก่อนจะมาเป็นเจ้าของบริษัทด้านความบันเทิงใหญ่ของไทย ทีมข่าว SPOTLIGHT สรุปมาให้อ่านกัน

จากแร็ปเปอร์ดังผู้บุกเบิกวงการฮิปฮอปไทยสู่นักธุรกิจ

หลายๆ คนน่าจะรู้จัก ‘ขัน’ ในฐานะหนึ่งในสมาชิกและผู้ก่อตั้งวงฮิปฮอปชื่อดังระดับตำนานของเมืองไทยอย่าง ‘ไทยเทเนี่ยม’ แต่อาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาคนนี้ยังเป็นนักธุรกิจและนักลงทุนที่ทำธุรกิจมาแล้วหลายอย่างทั้ง ร้านอาหาร ผับ บาร์ ร้านเสื้อผ้า หรือแม้แต่สายการบิน ทำให้ก่อนหน้าจะขึ้นมาเป็นเจ้าของ M Pictures แบบในปัจจุบัน ขัน ก็ถือได้ว่า เป็นนักธุรกิจคนหนึ่งที่ล้มลุกคลุกคลานมาพอสมควร

ขันเงิน เนื้อนวล หรือ ขันเงิน ไทยเทเนี่ยม เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2519 ในครอบครัวชนชั้นกลางฐานะดีที่มีธุรกิจสถานบันเทิง ทำให้ใกล้ชิดคลุกคลีกับวงการธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นต์มาตั้งแต่เด็ก โดยหลังจากจบชั้นประถมศึกษา เขาก็ถูกส่งไปเรียนชั้นมัธยมต้นกับพี่ชายในรัฐแคนซัส ก่อนจะย้ายไปเรียนต่อชั้นมัธยมปลายที่ไฮสคูลในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา 

โดยช่วงที่เรียนอยู่ที่สหรัฐฯ เขาก็เริ่มได้สัมผัสกับวัฒนธรรมฮิปฮอปที่สหรัฐฯ สนใจเก็บแผ่นเสียง เล่นแผ่นเสียงเป็นดีเจ และเริ่มลองแร็ปกับเพื่อนๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2538 หลังจบชั้นมัธยมปลายเขาก็กลับมาอยู่กับครอบครัวที่ไทย และได้ออก Hip-Hop Story ผลงานเพลงอัลบั้มแรกในนาม ‘Khan-T’ ในสังกัด MUSIC X และออกผลงานอีกสองอัลบั้ม คือ 4+9 (Remix) ในปี พ.ศ. 2540 และ Khan-T BEAT พ.ศ. 2541 

ในช่วงนั้น ขัน เป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จพอสมควร แต่ส่วนตัวเขาไม่ชอบแนวดนตรีที่ต้องทำในขณะนั้น ในปี พ.ศ. 2543 เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปนิวยอร์กเพื่อตั้งวงฮิปฮอปกับ ร่วมกับ ‘เวย์’ ปริญญา อินทชัย และ ‘เดย์’ จำรัส ทัศนละวาด อนาคตเพื่อนร่วมวง ‘ไทยเทเนี่ยม’ ของเขา

ขัน ได้เริ่มออกผลงานเพลงกับเพื่อนสมาชิกเองแบบไม่มีสังกัดที่สหรัฐฯ ก่อน ก่อนจะสะสมชื่อเสียงและประสบการณ์ จนมาออก ‘Thailand’s Most Wanted’ อัลบั้มแรกในประเทศไทยกับค่ายเพลง สนามหลวง ในเครือ GMM Grammy ในปี พ.ศ. 2548 ทำให้ทั้งวงไทยเทเนี่ยมและขันกลายเป็นที่รู้จักของวงการเพลงไทย

นอกเหนือจากการเป็นเจ้าของ Thaitanium Entertainment และทำงานเพลงเป็นโปรดิวเซอร์ให้ศิลปินฮิปฮอปอื่นๆ ในวงการแล้ว ในปี พ.ศ. 2557 เขายังเคยร่วมลงทุนกับเพื่อนสนิทตั้ง ‘สายการบินเอเชียนแอร์’ ที่ให้บริการเที่ยวบินแบบชาร์เตอร์ไฟลท์ 

ทั้งนี้ สายการบินเอเชียนแอร์ได้ถูกศาลล้มละลายกลางพิพากษาให้ล้มละลายเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2561 โดยในขณะนั้นเขาเป็นผู้ถือหุ้น 1% หลังบริษัทขาดทุนต่อเนื่อง ทำให้เขาหายหน้าหายตาจากการเป็นนักธุรกิจ กลับไปทำงานเบื้องหลังวงการเพลง เป็นโปรดิวเซอร์ในรายการโชว์ The Rapper ก่อนจะกลับมามีบทบาทอีกครั้งในฐานะเจ้าของคนใหม่ของ M Pictures

ขันเงิน

เปิดธุรกิจ M Pictures ผู้ผลิตและจัดซื้อจัดจำหน่ายภาพยนตร์รายใหญ่ของไทย

ปัจจุบัน บริษัท M Pictures ดำเนินธุรกิจด้าน ‘การลงทุนในบริษัทย่อย’ ที่ดำเนินธุรกิจสื่อ ภาพยนตร์ การจัดหาลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ไทยและภาพยนตร์ต่างประเทศ เพื่อฉายผ่านโรงภาพยนตร์ สื่อทีวี ในรูปแบบฟรีทีวี เปย์ทีวี และ วีดีโอออนดีมานด์ ตลอดจนสื่อทางด้าน Digital ต่าง ๆ พร้อมทั้งการลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทยและสื่อโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ 

โดยจากรายงานประจำปี 2565 ปัจจุบัน บริษัทย่อยที่ M Pictures เข้าไปลงทุนมี 4 บริษัทด้วยกัน คือ

  1. บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด ดำเนินธุรกิจจัดซื้อสิทธิภาพยนตร์ต่างประเทศเพื่อนำมาจัดจำหน่ายภายในประเทศ 
  2. บริษัท เอ็ม เทอร์ตี้ไนน์ จำกัด  ดำเนินธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย 
  3. บริษัท เอ็ม ทาเลนต์ จำกัด ดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตงานด้านบันเทิงทุกรูปแบบ
  4. บริษัท เอ็ม วี ดี จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายแผ่นวีซีดี ดีวีดี บลูเรย์

นอกจากนี้ M Pictures ยังร่วมลงทุนในอีก 6 บริษัท เช่น บริษัท เมเจอร์ กันตนา บรอดแคสติ้ง จำกัด, บริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิลม์ จำกัด และ บริษัท สกายบ็อกซ์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด

ในปี 2565 บริษัท M Pictures มีรายได้ทั้งหมด 292.55 ล้านบาท มีกำไร 24.97 ล้านบาท พลิกกลับมามีกำไรในรอบ 2 ปี โดยส่วนมากเป็นกำไรจากการผลิต ซื้อลิขสิทธิ์ และจัดจำหน่ายภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย 

โดยนอกจากธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทยแล้ว M Pictures ยังเป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์ต่างประเทศชื่อดังมากมายในฉายในประเทศไทย อย่างในปี 2565 M Pictures ก็เป็นผู้ชื้อหนังรางวัลอย่าง ‘The Whale’, ‘Decision to Leave’ และ ภาพยนตร์ที่เพิ่งชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเวทีออสการ์ไปอย่าง ‘Everything Everywhere All At Once’ ทำให้ M Pictures ถือได้ว่า เป็นบริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์รายใหญ่รายหนึ่งของประเทศไทย และยังมีศักยภาพในการเติบโตสูง 

ที่มา:

https://investor.mpictures.co.th/misc/one-report/20230330-mpic-or2022-th.pdf

https://investor-th.mpictures.co.th/company_business.html

https://www.sanook.com/money/603721/

https://www.thairath.co.th/content/459205

https://www.mixmagazine.in.th/00007841

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT