
“It’s the most beautiful time of the year” ช่วงเวลาส่งท้ายปีเป็นช่วงที่ทั่วโลกประดับประดาเมืองด้วยไฟหลากสีและต้นคริสต์มาสยักษ์ ต้นสนที่ใช้เวลาปลูกนานถึง 6-10 ปีกว่าจะพร้อมเก็บเกี่ยว (ที่ความสูง 1.5-2.5 เมตร) นำมาสู่คำถามว่า สิ่งนี้คุ้มค่าหรือไม่?
จริงอยู่ที่ต้นคริสต์มาสไม่ได้ปรากฏตัวเพียงคืนเดียว แต่ตั้งตระหง่านตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมจนถึงต้นเดือนมกราคม ทว่าการใช้ทรัพยากรน้ำและที่ดินยาวนานเกือบหนึ่งทศวรรษเพื่อปลูกต้นสนหนึ่งต้น ยังคงเป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงทุกปี แล้ววิธีใดบ้างที่จะทำให้เราฉลองเทศกาลแห่งความสุขนี้ได้อย่างยั่งยืน
ต้นไม้ปลอมแบบยั่งยืน เมื่อการใช้ต้นไม้จริงต้องใช้ทรัพยากรมากและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ยาก “ต้นไม้ปลอม” จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ยั่งยืนในระยะยาว Balsam Hill ผู้ผลิตชั้นนำชี้ว่าต้นไม้ปลอมคุณภาพดีมีอายุการใช้งานราว 10 ปี และนำมาใช้ซ้ำได้หากจัดเก็บอย่างเหมาะสม
จากการสำรวจของ The American Christmas Tree Association ปี 2025 พบว่าชาวอเมริกันกว่า 83% นิยมต้นสนปลอมมากกว่าต้นไม้จริง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2023 ที่มีสัดส่วน 77% โดยผู้ผลิตหลายรายเริ่มใช้วัสดุรีไซเคิลหรือพลาสติกชีวภาพ (Bio-based PE) ที่มีความสมจริงและยั่งยืนมากขึ้น หากคุณกำลังเลือกซื้อต้นไม้ปลอม นี่คือเช็คลิสต์ที่ควรพิจารณา:
อย่างไรก็ตาม ในปี 2025 ระบบรีไซเคิลต้นไม้ปลอมโดยเฉพาะยังไม่แพร่หลาย เมื่อหมดอายุการใช้งานจึงมักจบลงที่หลุมฝังกลบ การเลือกซื้อจึงต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและอายุการใช้งานให้มากที่สุด
ต้นไม้จริงก็ยั่งยืนได้ แม้ต้นไม้ปลอมจะมาแรง แต่เสน่ห์ของต้นไม้จริงยังไม่หายไป British Christmas Tree Growers Association (BCTGA) ระบุว่าในแต่ละปีมีการซื้อต้นไม้ในสหราชอาณาจักรกว่า 5 ล้านต้น ซึ่งส่วนใหญ่ปลูกในท้องถิ่น
จุดนี้เองที่ทำให้ต้นไม้จริงอาจยั่งยืนกว่าในบางมิติ เพราะต้นไม้ปลอมส่วนใหญ่มักผลิตจากพลาสติก PVC และเหล็กในประเทศจีน ซึ่งเป็นวัสดุที่รีไซเคิลยากและต้องผ่านการขนส่งระยะไกลที่ปล่อยคาร์บอนมหาศาล ต่างจากต้นไม้จริงที่มักหาซื้อได้จากแหล่งปลูกในท้องถิ่น
ตามข้อมูลจาก Carbon Trust ต้นไม้ปลอมขนาด 2 เมตร ปล่อยคาร์บอนจากการผลิตสูงถึง 40 กิโลกรัม ซึ่งเราต้องใช้งานซ้ำอย่างน้อย 10 ปี จึงจะชดเชยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เท่ากับการใช้ต้นไม้จริง นอกจากนี้ การเผาต้นคริสต์มาสจริงหลังจบเทศกาลยังปล่อยคาร์บอนน้อยกว่ากระบวนการผลิตต้นไม้ปลอมถึง 10 เท่า และตลอดช่วงเวลาที่ปลูก ต้นสนเหล่านี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าและช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีกด้วย
เรียกบริการเก็บต้นไม้ (Tree Collection Service) บริการเก็บต้นไม้ได้รับความนิยมอย่างมากหลังจบเทศกาล โดยผู้เชี่ยวชาญจะช่วยกำจัดต้นไม้จริงที่หมดหน้าที่แล้วอย่างถูกวิธี ช่วยให้คุณไม่ต้องขนส่งด้วยตัวเอง ประหยัดเวลา และมักมีการประสานงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น
ก่อนเจ้าหน้าที่จะมารับต้นไม้ ผู้ใช้บริการต้องนำของตกแต่งออกทั้งหมด และวางต้นไม้ไว้ในจุดที่เข้าถึงสะดวก เช่น หน้าบ้าน หรือที่จอดรถ หลายบริการนำต้นไม้ที่ไม่ปนเปื้อนไปรีไซเคิลต่อ ทั้งนี้ควรตรวจสอบรายละเอียดกับหน่วยงานในพื้นที่ก่อน เช่น ที่เทศมณฑลเวก รัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐฯ หน่วยงานท้องถิ่นมีบริการจัดเก็บต้นคริสต์มาสให้ประชาชนฟรี
รีไซเคิลต้นไม้ หากไม่สะดวกใช้บริการรับเก็บ การนำต้นไม้ไปส่งที่ศูนย์รีไซเคิลด้วยตัวเองก็ทำได้เช่นกัน โดยเริ่มจากการถอดเครื่องประดับและอาจตัดกิ่งก้านให้มีขนาดเหมาะสมต่อการขนส่ง
ต้นคริสต์มาสสามารถนำไปรีไซเคิลได้หลากหลาย ตั้งแต่งานฝีมือไม้ ที่ให้อาหารนก ที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ปุ๋ยหมัก หรือวัสดุคลุมดิน ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในการบำรุงและตกแต่งสวน
วัสดุคลุมดินจากใบสนเป็นหนึ่งในวิธียอดนิยม เนื่องจากใบสนแห้งเร็วและย่อยสลายช้า จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนำมาใช้คลุมดิน โดยโรยทับถมกันเป็นชั้นหนารอบโคนต้นไม้หรือในแปลงปลูก เพื่อรักษาความชื้น ยับยั้งวัชพืช เป็นฉนวนควบคุมอุณหภูมิดิน และช่วยหมุนเวียนสารอาหารกลับสู่ธรรมชาติ