ธุรกิจการตลาด

ไทยเบฟเสนอซื้อหุ้น “โออิชิ” ทั้งหมด ราคา 59 บาท/หุ้น ออกจากตลาดหุ้น

11 มี.ค. 66
ไทยเบฟเสนอซื้อหุ้น “โออิชิ”  ทั้งหมด  ราคา 59 บาท/หุ้น ออกจากตลาดหุ้น

สะเทือนวงการ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มไทย หลังมีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่เสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ OISHI จำนวน 72,279,602 หุ้น หรือ 20.34% ของหุ้นทั้งหมด ในราคา 59 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาสูงสุด ที่คำนวณได้ตามวิธ๊การกำหนดราคาเสนอซื้อ เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ โดยราคา ณ 10 มี.ค.2566 ปิดตลาดที่ 46.50 บาท/หุ้น

 โดยเหตุผลที่ไทยเบฟ มีความประสงค์ที่ต้องการซื้อหุ้นทั้งหมด คือ

  1. ปัจจุบันปริมาณการซื้อขายหุ้นของ OISHI ในตลาดหลักทรัพย์มีไม่มากนัก ซึ่งการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมด เพื่อเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มทางเลือกและให้โอกาสกับผู้ถือหุ้นรายย่อยสามารถขายหุ้นบริษัทได้
  2. กลุ่มไทยเบฟอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ เกี่ยวกับแผนโครงสร้างการดำเนินงาน และการประกอบธุรกิจของกลุ่มธุรกิจอาหาร และกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ภายในกลุ่ม
  3. เมื่อ OISHI จะไม่มีสถานะเป็นบริษัทจดทะเบยในตลาดหลักทรัพย์อีกต่อไป การดำเนินดังกล่าวจะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการเป็นบริษัทจดทะเบียน แต่ OISHI จะยังมีสถานะเป็นบริษัทมหาชน จำกัด ต่อไป

ทั้งนี้ ได้แต่งตั้ง บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเสนอแนะ ความเห็นและชี้แจงต่อผู้ถือหุ้น และเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระในการให้ความเห็นประกอบการทำความเห็นของบริษัทต่อคำเสนอซื้อหุ้นสามัญ ซึ่งจะต้องผ่านความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น ซึ่งได้กำหนดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 เวลา 10.00 น. ในรูปแบบประชุมอิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมผู้ถือหุ้นต้องอนุมัติการเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และต้องไม่มีผู้ถือหุ้นคัดค้านการเพิกถอน เกิน 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ OISHI ณ 10 มีนาคม 2566 ที่ 298,720,398 หุ้น หรือ 79.66%

นับจากนี้ คงต้องรอดูการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของกลุ่ม ไทยเบฟ จำกัด (มหาชน) ที่จะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ ในกลุ่มธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์จะเป็นอย่างไรต่อไป

 

advertisement

SPOTLIGHT