ธุรกิจการตลาด

รัฐบาลญี่ปุ่นเสียหน้า หลังพี่ใหญ่ Toyota และ 4 ค่ายรถยักษ์ใหญ่ โกงข้อมูลความปลอดภัยรถยนต์

5 มิ.ย. 67
รัฐบาลญี่ปุ่นเสียหน้า หลังพี่ใหญ่ Toyota และ 4 ค่ายรถยักษ์ใหญ่ โกงข้อมูลความปลอดภัยรถยนต์

วงการยานยนต์ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับวิกฤตศรัทธาครั้งใหญ่ หลังจาก 5 บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของประเทศ ได้แก่ Toyota, Mazda, Honda, Suzuki และ Yamaha ถูกเปิดโปงว่ามีการปลอมแปลงข้อมูลในการทดสอบรถยนต์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของรถยนต์ที่จำหน่ายออกสู่ตลาด

รัฐบาลญี่ปุ่นเสียหน้า หลังพี่ใหญ่ Toyota และ 4 ค่ายรถยักษ์ใหญ่ โกงข้อมูลความปลอดภัยรถยนต์

รัฐบาลญี่ปุ่นเสียหน้า หลังพี่ใหญ่ Toyota และ 4 ค่ายรถยักษ์ใหญ่ โกงข้อมูลความปลอดภัยรถยนต์

เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทดสอบความปลอดภัยในวงการรถยนต์ญี่ปุ่นทวีความรุนแรงขึ้น โดย Toyota และ Mazda ต้องระงับการส่งมอบรถบางรุ่นชั่วคราว หลังจากกระทรวงคมนาคมของญี่ปุ่นพบความไม่ชอบมาพากลในการขอรับรองรถยนต์รุ่นดังกล่าว นอกจากนี้ ยังพบปัญหาที่คล้ายคลึงกันกับบริษัท Honda, Suzuki และ Yamaha Motor อีกด้วย โดยทั้งหมดถูกกล่าวหาว่าส่งข้อมูลการทดสอบที่ไม่ถูกต้องหรือผ่านการดัดแปลงเพื่อให้ผ่านการรับรอง

สำหรับการเปิดเผยข้อมูลล่าสุดนี้เป็นผลสืบเนื่องจากกรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นกับ Daihatsu บริษัทในเครือของ Toyota เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งนำไปสู่การที่กระทรวงคมนาคมสั่งให้บริษัทรถยนต์ทุกแห่งตรวจสอบใบสมัครรับรองรถยนต์ทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้งตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม กระทรวงคมนาคมมีคำสั่งให้ Toyota, Mazda และ Yamaha ระงับการส่งมอบรถบางรุ่นทันที และเตรียมเข้าตรวจสอบสำนักงานใหญ่ของ Toyota ในจังหวัดไอจิ เพื่อหาสาเหตุและลงโทษผู้กระทำผิดต่อไป โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ อาจทำให้การประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของ Toyota ในเดือนนี้ร้อนแรงขึ้นไปอีก โดยบริษัทที่ปรึกษาผู้ถือหุ้นชื่อดังอย่าง Institutional Shareholder Services และ Glass Lewis ได้แนะนำให้ผู้ถือหุ้นโหวตคัดค้านการเลือก Akio Toyoda กลับมาเป็นประธานอีกครั้ง

สำหรับข้อมูล 5 ผู้ผลิตรถยนต์ที่ถูกกล่าวหาว่าส่งข้อมูลเท็จในการทดสอบความปลอดภัย โดยมีรายงานว่าผู้ผลิตรถยนต์หลายรายส่งข้อมูลเท็จในการทดสอบด้านความปลอดภัย ดังนี้

  • Toyota: ส่งข้อมูลเท็จในการทดสอบระบบป้องกันคนเดินถนนในรถยนต์ 7 รุ่น
  • Mazda: เขียนซอฟต์แวร์ควบคุมใหม่เพื่อให้ผ่านการทดสอบกำลังเครื่องยนต์ในรถยนต์ 5 รุ่น
  • Yamaha: ทำการทดสอบเสียงรบกวนภายใต้สภาวะที่ไม่เหมาะสมในรถยนต์ 3 รุ่น
  • Honda: ส่งข้อมูลเท็จในรายงานผลการทดสอบเสียงรบกวนในรถยนต์ 22 รุ่น
  • Suzuki: ส่งข้อมูลเท็จในรายงานผลการทดสอบเบรกในรถยนต์ 1 รุ่น

การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดกฎระเบียบด้านความปลอดภัยและอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ใช้รถใช้ถนน

Toyota ระส่ำ! ถูกสั่งสอบ หลังพบโกงข้อมูลความปลอดภัยรถยนต์

ในรายงานที่ส่งถึงผู้ถือหุ้น ISS ได้เน้นย้ำถึง "ความผิดปกติในการขอรับรองรถยนต์" ที่เกิดขึ้นในกลุ่มบริษัท Toyota ในขณะเดียวกัน Akio Toyoda ซึ่งเป็นหลานชายของผู้ก่อตั้งบริษัทและอดีตซีอีโอของ Toyota ได้กล่าวในงานแถลงข่าวว่า "ในฐานะผู้รับผิดชอบกลุ่มบริษัท Toyota ผมขออภัยอย่างจริงใจต่อลูกค้า แฟนรถ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกท่านสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"

Toyoda ยอมรับว่ารถยนต์เหล่านั้นไม่ได้ผ่านกระบวนการขอรับรองที่ถูกต้องก่อนที่จะถูกนำไปขาย ทำให้ Toyota ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกต้องระงับการส่งมอบและจำหน่ายรถยนต์สามรุ่นที่ผลิตในญี่ปุ่นชั่วคราว เรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นกับบริษัทรถยนต์เหล่านี้สร้างความเสียหายให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งเดิมทีได้รับคำชมจากนักลงทุนและผู้บริหารในเรื่องการปฏิรูปองค์กร Yoshimasa Hayashi โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น กล่าวว่า การกระทำผิดดังกล่าว "น่าเสียใจ"

หุ้น Toyota และ Mazda ร่วง หลังยอมรับปลอมแปลงข้อมูลการทดสอบรถยนต์

รัฐบาลญี่ปุ่นเสียหน้า หลังพี่ใหญ่ Toyota และ 4 ค่ายรถยักษ์ใหญ่ โกงข้อมูลความปลอดภัยรถยนต์

Toyota Motor Corp. และ Mazda Motor Corp. ประกาศระงับการส่งมอบรถยนต์บางรุ่นชั่วคราว หลังยอมรับว่ามีการปลอมแปลงข้อมูลในการทดสอบรถยนต์ ส่งผลให้ราคาหุ้นของทั้งสองบริษัทร่วงลงอย่างหนัก โดยทาง Toyota เปิดเผยว่ามีการทุจริตข้อมูลในการทดสอบรถยนต์ถึง 6 ครั้ง ในปี 2014, 2015 และ 2020 ซึ่งส่งผลกระทบต่อรถยนต์หลายรุ่น ทั้ง Corolla Fielder, Corolla Axio, Yaris Cross รุ่นปัจจุบัน รวมถึงรถรุ่นเก่าที่เลิกผลิตไปแล้ว 4 รุ่น และรถยนต์ภายใต้แบรนด์ Lexus

หนึ่งในตัวอย่างการทุจริตที่พบ คือ การวัดความเสียหายจากการชนเพียงด้านเดียวของฝากระโปรงรถ ทั้งที่ควรวัดทั้งสองด้าน นอกจากนี้ ยังมีการทดสอบบางรายการที่ดำเนินการภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวดกว่ามาตรฐานของกระทรวงคมนาคม ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของรัฐบาล นอกจากนี้ทาง Toyota ระบุว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบปัญหาเกี่ยวกับประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยมลพิษของรถยนต์ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนมิถุนายน และยืนยันว่ารถยนต์ที่จำหน่ายไปแล้วไม่มีปัญหาใดๆ และลูกค้าสามารถใช้งานได้ตามปกติ

ด้าน Mazda ก็ยอมรับว่า มีการปลอมแปลงผลการทดสอบซอฟต์แวร์ควบคุมเครื่องยนต์ของรถยนต์รุ่น Roadster RF และ Mazda2 และยังพบการทุจริตข้อมูลในการทดสอบการชนของรถรุ่น Atenza และ Axela ที่เลิกผลิตไปแล้ว ฝั่ง Yamaha Motor Co. ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยต้องระงับการส่งมอบรถจักรยานยนต์บางรุ่น ขณะที่ Honda Motor Co. พบการทุจริตข้อมูลในการทดสอบเสียงและกำลังของรถยนต์หลายรุ่นที่เลิกผลิตไปแล้ว เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของ Toyota และ Mazda อย่างมาก โดยหุ้น Toyota ปิดตลาดร่วงลง 1.8% ขณะที่หุ้น Mazda ร่วงลงถึง 3.3%

วิกฤตศรัทธาครั้งใหญ่ของ อุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น

รัฐบาลญี่ปุ่นเสียหน้า หลังพี่ใหญ่ Toyota และ 4 ค่ายรถยักษ์ใหญ่ โกงข้อมูลความปลอดภัยรถยนต์

เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อภาพลักษณ์ของ เหล่าค่ายรถยักษ์ใหญ่เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นโดยรวม ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยมาโดยตลอด ผู้บริโภคเริ่มตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของรถยนต์จากญี่ปุ่น และอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายในระยะยาว นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทรถยนต์ที่เกี่ยวข้อง โดยหุ้น Toyota และ Mazda ร่วงลงอย่างหนักหลังจากข่าวการทุจริตถูกเปิดเผย

รัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งเดิมทีได้รับคำชมจากนักลงทุนและผู้บริหารในเรื่องการปฏิรูปองค์กร กำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักในการจัดการกับวิกฤตครั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้สั่งให้บริษัทรถยนต์ทุกแห่งตรวจสอบใบสมัครรับรองรถยนต์ทั้งหมดอย่างละเอียด และเตรียมเข้าตรวจสอบสำนักงานใหญ่ของ Toyota เพื่อหาสาเหตุและลงโทษผู้กระทำผิด นอกจากผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคแล้ว

เหตุการณ์นี้ยังอาจส่งผลกระทบต่อการบริหารงานของ Toyota โดย Akio Toyoda ประธานบริษัท อาจถูกกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากบริษัทที่ปรึกษาผู้ถือหุ้นชื่อดังได้แนะนำให้ผู้ถือหุ้นโหวตคัดค้านการเลือกเขาให้กลับมาเป็นประธานอีกครั้งในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี วิกฤตครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น ที่ต้องเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน โดยการดำเนินการอย่างโปร่งใส ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง รวมถึงกำหนดมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต

ที่มา reuters

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT