ธุรกิจการตลาด

'เป๊ปซี่' จ่อขึ้นราคาอีกรอบ เงินเฟ้อพุ่ง ต้นทุนแพง ทำขึ้นราคาไม่จบ

16 ธ.ค. 65
'เป๊ปซี่' จ่อขึ้นราคาอีกรอบ เงินเฟ้อพุ่ง ต้นทุนแพง ทำขึ้นราคาไม่จบ

'เป๊ปซี่' จ่อขึ้นราคาอีกรอบ เผยเงินเฟ้อพุ่ง ต้นทุนแพง ทำให้อาจต้องขึ้นราคาอีกครั้ง พร้อมเล็งขยายตลาดเครื่องดื่มไร้น้ำตาลรับเทรนด์สุขภาพ


แทบจะไม่มีสินค้าอะไรเลยที่ "ไม่ขึ้นราคา" ในปีนี้ ที่เงินเฟ้อพุ่งสูงทั่วโลก มีก็แต่จะขึ้นราคารวมแล้วกี่ครั้งเท่านั้น

"เป๊ปซี่" (PepsiCo) แบรนด์เครื่องดื่มยอดนิยมทั่วโลกก็เป็นอีกหนึ่งรายที่ทยอยขึ้นราคาสินค้าหลายรายการและหลายครั้งในปีนี้ โดยวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า จากข้อมูลถึงเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา บริษัทขึ้นราคาสินค้าเฉลี่ยแล้วถึง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 

เฉพาะในประเทศไทยบ้านเรานั้น มีการประกาศขึ้นราคาไปเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยเป็นการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำอัดลม “เป๊ปซี่” ทุกขนาด และทุกแพ็กเกจจิ้ง ในอัตรา 1-2 บาทต่อขวด/กระป๋อง ซึ่งเป็นการปรับขึ้นราคาทั้งในส่วนขายปลีกและขายส่ง

แต่ล่าสุดนั้นมีรายงานจากเว็บไซต์นิกเกอิเอชีย ว่า Pepsi อาจจะปรับขึ้นราคาอีกครั้ง ในเร็วๆ นี้

นายปริญญา กิจจาธนพันธ์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม ประจำภูมิภาคเอเชีย และประธานกรรมการบริหารการพาณิชย์ ประจำภูมิภาคเอเเชียแปซิฟิก ที่ดูแลครอบคลุมทั้งอาเซียน ญี่ปุ่น และเกาหลี เปิดเผยว่า อาจจะมีการปรับขึ้นราคาสินค้าอีก ในกลุ่มประเทศอาเซียน (รวมถึงไทย) และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อยังคงกดดันเรื่องต้นทุนวัตถุดิบ แพ็กเกจจิ้ง และโลจิสติกส์

ทั้งนี้เป็นเพราะว่า สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 และสงครามในยูเครน ได้ส่งผลกระทบต่อระบบซัพพลายเชนของโลก ทำให้บริษัทไม่สามารถปฏิเสธความเป็นไปได้ ที่อาจมีการปรับขึ้นราคาใหม่อีกรอบ โดยเฉพาะหากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวแพงขึ้น ก็มีสิทธิที่บริษัทจะปรับราคาขึ้นตามด้วย แม้ว่าในปี 2022 นี้จะมีการขึ้นราคาไปแล้วก็ตาม 

หาก PepsiCo มีการปรับราคาสินค้าจริงๆ ก็จะเป็นการขึ้นราคาล่าสุดของกลุ่มธุรกิจอาหารในเอเชีย หลังจากบริษัทหลายแห่งทยอยขึ้นราคากันไปแล้วในปีนี้ อาทิ นิชชิน, คิวพี, ยูนิลีเวอร์ และ บริทันเนีย

000_arp1395262

ทางด้านนักวิเคระห์และผู้สังเกตการณ์หลายราย ก็คาดการณ์ว่าอาจจะมีการปรับขึ้นราคาสินค้าของธุรกิจในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มอีก เพราะเป็นธุรกิจที่แข่งเรื่องมาร์จิ้นอย่างหนัก และหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะใช้วิธีการปรับขึ้นราคาสินค้า 

อย่างไรก็ตาม แอนดรูว์ เดลิออส ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ก็มองว่า การขึ้นราคาเพียงเล็กน้อยไม่น่าจะส่งผลกระทบให้ลูกค้าหายไป เนื่องจากลูกค้าจะไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อเพียงเพราะการขึ้นราคา(เล็กน้อย) แต่จะไปเพราะเรื่องรสชาติและความพอใจส่วนตัวมากกว่า  

ทั้งนี้ เป๊บซี่โคทำรายได้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ ในไตรมาสเดือน มิ.ย. - ส.ค. ที่เกือบ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเป็นผลมาจากการปรับขึ้นราคาสินค้าเป็นหลัก ขณะที่ยอดขายเครื่งดื่มในฝั่งเอเชียแปซิฟิก ขยายตัวขึ้น 9% แต่ในฝั่งอเมริกาเหนือโตได้เพียง 1% และติดลบในฝั่งยุโรป

ในขณะเดียวกัน บริษัทกำลังมองโอกาสที่จะเจาะตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เครื่องดื่มไม่มีน้ำตาล และน้ำอัดลมศูนย์แคลอรี ให้มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่พัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไทย โดยเป๊ปซี่โคมองว่าเอเชียเป็นเครื่องมือสำคัญในการเติบโต เนื่องจากมีช่วงฤดูร้อนที่ยาวนาน และตลาดเกิดใหม่กำลังขยายตัวได้เร็วกว่าตลาดอเมริกาเหนือและยุโรป

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT