ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์สัญลักษณ์แห่งอเมริกาเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากในไตรมาสแรก กำไรของบริษัทดิ่งลง 23% จากยอดขายที่ชะลอตัว สะท้อนให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและความกังวลของผู้บริโภคต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น
ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ระดับตำนาน Harley-Davidson รายงานผลกำไรลดลง 23% ในไตรมาสแรก อันเนื่องมาจากยอดขายที่ชะลอตัวลง ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงส่งผลให้นักขับขี่กลุ่มที่มีศักยภาพชะลอการตัดสินใจซื้อ ทำให้หุ้นของบริษัทร่วงลง 18% ในการซื้อขายช่วงบ่าย
บริษัทยังคงยืนยันแนวโน้มการเติบโตของรายได้ทั้งปี โดยคาดว่าจะทรงตัวหรือลดลงไม่เกิน 9% สำหรับธุรกิจมอเตอร์ไซค์ พร้อมคาดการณ์อัตรากำไรจากการดำเนินงานไว้ระหว่าง 12.6% - 13.6% ซึ่งเท่ากับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
CEO ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน Jochen Zeitz ให้สัมภาษณ์กับนักวิเคราะห์ว่า "เรากำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลขับขี่... และยังมีหลายปัจจัยขึ้นอยู่กับผลประกอบการในไตรมาสที่สอง นี่จึงเป็นเหตุผลที่เรายังไม่ปรับเปลี่ยนตัวเลขคาดการณ์ณ จุดนี้"
แม้ว่าฮาร์ลีย์จะพยายามเพิ่มสีสันให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและรถราคาประหยัด แต่ผู้ผลิตรายนี้ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 120 ปียังไม่ประสบความสำเร็จมากนักในการดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่งผลให้ต้องพึ่งพากลุ่มลูกค้าหลักซึ่งเป็นคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์เพื่อขับเคลื่อนยอดขาย
ในไตรมาสแรก ยอดขายปลีกของ Harley-Davidson ในอเมริกาเหนือเติบโต 6% โดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์รุ่นทัวริ่งรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ยังต่ำว่าประมาณการณ์ 9% ของ Joe Altobello นักวิเคราะห์จาก Raymond James
Garrett Nelson นักวิเคราะห์จาก CFRA ให้ความเห็นว่า "ด้วยแรงกดดันต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น คาดว่าการที่ Harley-Davidson ยังคงประมาณการเดิม แม้ผลประกอบการไตรมาสแรกจะสูงกว่าคาดสะท้อนความระมัดระวังต่อยอดขายและผลกำไรตลอดปีนี้"
สำหรับภูมิภาค EMEA (ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา) ยอดขายตกลง 11% โดยเฉพาะความอ่อนแอในเยอรมนีและฝรั่งเศส ส่วนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมียอดขายลดลง 12% เนื่องจากความต้องการที่ลดลงในประเทศจีน
บริษัทประกาศกำไรต่อหุ้น 1.72 ดอลลาร์ในไตรมาสแรก สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.51 ดอลลาร์ต่อหุ้น (อ้างอิงจากข้อมูลของ LSEG) อย่างไรก็ตาม รายได้ในไตรมาสลดลง 5% สู่ระดับ 1.48 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งยังสูงกว่าประมาณการที่ 1.34 พันล้านดอลลาร์
อนาคตของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ยังคงมีความไม่แน่นอน บริษัทจำเป็นต้องหาวิธีดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่และขยายตลาดไปยังภูมิภาคอื่นๆ เพื่อฝ่าฟันวิกฤตนี้ไป